สสส.เปิดตัวโครงการโฮมพลคนสี่เผ่าไม่เอาโรคอ้วนรณรงค์อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ลดหวานมันเค็มเพิ่มผักและผลไม้ ผลการดำเนินงานเป็นไปในทางที่ดีขึ้น :77jowo.com

หมวดหมู่ ข่าวสาร/กิจกรรม , โดย : root , 9 เมษายน 2562 / อ่าน : 3,108

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ ร.ร.บ้านโนนสูง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายมานพ แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วย กรรมการพี่เลี้ยงทีมพัฒนาสื่อและนวัตกรรมนำโดย  นายชูเกียรติ ครูทรงธรรม และนายบัณฑิต ครุฑฑานนท์  กรรมการพี่เลี้ยงทีมพัฒนาโครงการฯนำโดย นางจุรี สุวรรณศิลป์ และนางวิชญาพร เลียบใย ได้เดินทางมาเยี่ยมติดตามการดำเนินงานตามโครงการสร้างสรรค์สื่อเพื่อการรณรงค์ลดน้ำหนักในเด็กระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้) ในภูมิภาค ปีที่ 3 เทอม 2 จัดนิทรรศการโครงการโฮมพลคนสี่เผ่า ไม่เอาโรคอ้วน  ซึ่ง ร.ร.นี้เป็น 1 ใน 22 ร.ร.ต้นแบบของโครงการ โดยมี น.ส.ดนตรี   บุญลี  ผอ.ร.ร.บ้านโนนสูง พร้อมด้วยคณะครู น.ร.กรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน ให้การต้อนรับ

 

น.ส.ดนตรี บุญลี  ผอ.ร.ร.บ้านโนนสูง  กล่าวว่า   จากการศึกษาการเจริญเติบโตของเด็ก น.ร.ใน ร.ร.บ้านโนนสูงในปีการศึกษา 2560 มีจำนวน น.ร.ทั้งหมด129 คน พบว่ามีเด็กอ้วนหรือน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานคิดเป็นร้อยละ 6.72 และเด็กกำลังจะอ้วนคิดเป็นร้อยละ 2.52 จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กอ้วนเหล่านี้น่าจะมาจากนิสัยการกินอาหารที่ไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ชอบรับประทานน้ำหวาน ขนมกรุบกรอบ และการดำเนินชีวิตที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย เมื่อได้รับพลังงานจากอาหารเสริมมากกว่าที่ร่างกายนำไปใช้จึงส่งผลให้เด็กอ้วน ที่สำคัญเด็กที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมักมีความเสี่ยงของโรคหัวใจ มีคลอเลสเตอรอลสูง ระดับอินซูลินสูง และมีความดันโลหิตสูง  จากการดำเนินโครงการส่งเสริมการรับประทานผักและผลไม้ ลดหวานมันเค็ม และสร้างความตระหนักแก่ผู้ปกครอง ทำให้ครู ผู้ปกครองเริ่มให้ความสนใจหันมาพัฒนาอาหารและสุขภาพของตนเองและลูกหลาน ส่วนครูและ น.ร.เริ่มหันมาดูแลเรื่องสุภาพ และเด็กก็ได้เรียนรู้วิธีดูแลสุภาพมากขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาสุขภาพอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อันจะส่งผลให้ภาวะโรคอ้วนในเด็ก น.ร.ลดลง ร.ร.บ่านโนนสูง จึงได้ทำโครงการที่มีชื่อว่า “โฮมพลคนสี่เผ่าไม่เอาโรคอ้วน” ขึ้น

น.ส.ดนตรี  กล่าวต่อไปว่า  สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้  แบ่งเป็น 6 ฐานการเรียนรู้ดังนี้ ฐานที่ 1 ปั่นพอเพียง ฐานที่ 2 สะพานล้อ  ฐานที่3 กบหรรษา  ฐานที่ 4 ลดแลกพลัง  ฐานที่  5 การละเล่นพื้นบ้าน และฐานที่ 6 สัญญาณไฟจราจร โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ต้องการให้นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการมีโภชนาการที่ดีและปฏิบัติได้อย่างจริงจังและยั่งยืน สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติในการรับประทานอาหารไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม และเพิ่มผักผลไม้ ในทุก ๆ มื้ออาหาร และชวนออกกำลังกายเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติให้มีใจรักการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพ ที่สมบูรณ์แข็งแรง ที่สำคัญเมื่อเด็กเรียนรู้แล้ว สามารถขยายความรู้และถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่น ๆ ให้และเข้าใจในแบบเดียวกัน เชื่อว่าจะสามารถลดปัญหา “โรคอ้วน” ในสังคมลงได้

ทางด้าน นายมานพ แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้สื่อและกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย มุ่งใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ด้านสุขภาวะ มีการถ่ายทอดให้เกิดแรงบันดาลใจเพื่อการสื่อสารสุขภาวะ ในหัวข้อ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” โดยให้ความสำคัญกับครูผู้สอน เด็ก น.ร. พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน ในการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม  กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ ได้แก่ ครู และ น.ร.ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ใน ร.ร.สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  ทั้งนี้ผลการดำเนินงานโครงการ  3 ปี ที่ผ่านมา พบว่า   ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (สมส่วน) เพิ่มขึ้น ท้วมหรืออ้วนสูงลดลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่มที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ผอม) ยังคงมีเท่าเดิม ซึ่งโดยภาพรวมการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจของทุกฝ่าย  ซึ่งผู้ที่สนใจและต้องการติดตามการทำงาน ความเคลื่อนไหวของ ร.ร.บ้านโนนสูง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ และร.ร.อื่นๆ ทั้ง 22 ร.ร. ได้ที่ www.artculture4health.com


 

ชยงค์   มณีพันธุ์เจริญ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ศรีสะเกษ


ที่มา :https://www.77jowo.com/contents/o1/121349