สัตว์น้ำ : โดยธารา ศรีอนุรักษ์ ผลงานประเด็นรู้เท่าทันสื่อ

หมวดหมู่ การรู้เท่าทันสื่อ , โดย : admin , 26 มิถุนายน 61 / อ่าน : 2,795


'หญิงชรามีลูกสาวคนเดียว ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจทุกอย่าง โดยเฉพาะสามีของนาง

ความรักที่มากเกินทำให้ล้นบ่ากลายเป็นเลอะเทอะ'

จากธารา ศรีอนุรักษ์ เรื่อง สัตว์น้ำ








ฝนตกหนักชนิดไม่ลืมหูลืมตามาตั้งแต่ตอนเย็นวาน เลยข้ามคืนจนถึงสายของอีกวัน ระดับน้ำสะสมเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากปริ่มๆ พื้นบ้านที่สร้างแบบชั้นเดียวตามสมัยนิยม ค่อยๆ เจิ่งนองไหลเข้ามาอย่างไม่อาจสกัดกั้นได้ ในบ้านมีสามชีวิตอาศัยอยู่ หญิงชราวัยย่างเจ็ดสิบ และหลานสองคน คนโตอายุ 4 ขวบ คนเล็กอายุ 3 ขวบ ทั้งสองเป็นลูกของลูกสาวคนเดียวของนาง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความผิดปกติทางสมอง เรียกศัพท์ทางแพทย์ว่าอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับนางเรียกว่าปัญญาอ่อน แต่ไม่ถึงกับไม่รู้เรื่องอะไร คนพี่พอจะฟังคำสั่งช่วยหยิบโน่นจับนี่ ไล่หมา ไล่ไก่ ได้บ้าง

หญิงชรามีลูกสาวคนเดียว ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจทุกอย่าง โดยเฉพาะสามีของนาง ความรักที่มากเกินทำให้ล้นบ่ากลายเป็นเลอะเทอะ เพาะเชื้อเอาแต่ใจให้ลูกสาวจนเสียคน ยิ่งพอสามีมาด่วนขึ้นรถไฟขบวนไปสู่ปรโลกเสียก่อน นางไม่สามารถพูดจาตักเตือนลูกสาวคนนี้ได้เลย ส่งเสียให้เรียนก็เรียนไม่จบ ได้แค่ม.สองครึ่ง คบเพื่อนชายไม่เลือกหน้า คนที่เป็นพ่อหลานทั้งสอง ใครๆ ในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าติดยา นางห้ามแล้ว แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เลี้ยงได้แต่ตัว หัวใจเมื่อเขาโตขึ้นยากที่จะเข้าไปรับรู้ว่าลูกคิดอะไร ตอนยังแดงๆ นอนแบเบาะ นางรู้หมดลูกสาวร้องไห้เพราะอะไร ปวดอึ ปวดฉี่ หิวนม หรือไม่สบายเนื้อสบายตัว แต่พอโตขึ้น เสียงร้องไห้ของลูกเปลี่ยนไป พร้อมๆ กับน้ำเสียง สีหน้าแววตา เหมือนไม่ใช่ลูกคนเดิม คนที่นางควักเต้านมป้อนให้ดื่มบนตัก

วันที่ลูกสาวพาแฟนมาต้มน้ำใบกระท่อมกินกันที่บ้าน โดยไม่ฟังคำร้องห้ามของนางแต่อย่างใด คือวันที่หญิงชรารู้ว่า ต่อแต่นี้ไปสิ่งที่จะกำราบลูกสาวคนนี้ได้คือ ความนิ่ง เท่านั้น ต้นกระท่อมที่สามีของนางปลูกไว้หลังบ้าน แอบซ่อนอยู่ในดงหมากและพุ่มมังคุด ไว้สำหรับรูดกินใบหงวนน้ำเพื่อให้ทำงานทนร้อนได้ ถูกว่าที่ลูกเขยของนางหักมาเป็นกิ่งๆ แล้วเด็ดเอาแต่ใบต้ม ใส่ยาแก้ไอน้ำเชื่อม โค้ก โดยใช้หม้อในครัวของนางอย่างไม่เกรงใจ แต่สิ่งที่ทำให้หญิงชราถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นลูกสาววิ่งไปซื้อยากันยุงนำมาทิ่มจนป่นแล้วเอาไปใส่เป็นส่วนผสมด้วย ทำให้นางไม่แปลกใจว่า ทำไมหลานๆ ถึงได้เกิดมาแล้วมีความผิดปกติทางสมอง

ทุกครั้งที่หญิงชรามองหน้าหลานทั้งสอง รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างบอกไม่ถูก หากเพียงแค่ว่าเขาปกติทางด้านสมองคงจะดีไม่น้อย แต่ถึงแม้เป็นอย่างนี้นางก็รักอย่างกับอะไรดี เหมือนเป็นหลักยึดทางใจในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ตัวเองจะมีหรือไม่มีกิน ขอให้หลานทั้งสองได้อิ่มท้องก็พอ แม้หลานทั้งสองจะมีรูปหน้าละม้ายไปทางพ่อ แต่ก็หากมองดีๆ เหมือนมีรูปหน้าตัวเองในฐานะยาย ประทับพิมพ์อยู่ด้วย

ระดับน้ำที่ไม่มีทีท่าจะลดลง ไหลเข้ามาในพื้นบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหญิงชราต้องรีบย้ายสิ่งของจำเป็นที่อาจเปียกเสียหายได้ขึ้นไว้ที่สูง ซึ่งก็คือยกขึ้นวางบนโต๊ะบนเตียงนอนไปตามเรื่อง ยกได้แต่ของเบาๆ ของหนักคงวางไว้อย่างนั้น ยกไปพลางนึกโมโหสามีผู้ล่วงลับไปพลาง ที่รื้อบ้านเก่าแบบยกเสาสูงมุงจากโปร่งลมโกรกเย็นสบาย มาสร้างใหม่แบบบ้านปูนทรงบ้านจัดสรรชั้นเดียว ที่มองไปทางไหน แทบทุกบ้านในยุคนี้ก็สร้างเหมือนๆ กันหมด พอน้ำมาก็เป็นปัญหา ตั้งแต่ปู่ย่าตายายรู้ว่าแถบนี้เป็นที่ลุ่ม เป็นผืนนา รู้ว่าชีวิตต้องพึ่งพาน้ำ จึงไม่ฝืนธรรมชาติ สร้างที่อยู่อาศัยแบบเข้าใจต่อสภาพดินฟ้าอากาศ แต่ปัจจุบันมันผิดเพี้ยนไปหมด ผืนนาที่เคยเขียวขจีด้วยนาข้าว หน้าเกี่ยวก็สีทองเหลืองอร่าม กลายเป็นสวนยางพาราไปทั้งสิ้น สวนยางไม่รับน้ำ เลยไหลหลากท่วมนองสร้างความเสียหายอย่างทั่วหน้า

สายน้ำปัจจุบันเป็นสายน้ำคนละอย่างกับเมื่อก่อน ไม่มีกุ้ง ปู ปลา ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ทางน้ำ สวนยางพาราใส่ปุ๋ยเคมี อย่าว่าแต่ปูปลา คนยังแสบพุพองเมื่อต้องแช่ในน้ำเป็นเวลานานๆ

จากตอนแรกน้ำเข้ามาในบ้านแค่ปริ่มนิ้วเท้า พอใกล้เที่ยงระดับน้ำถดขึ้นมาถึงตาตุ่ม ทว่าฝนยังไม่มีวี่แววจะขาดเม็ด ลมแรงสลับกับเสียงฟ้าร้องโครมครามจนหลานสองคนกอดกันร้องจ้า หญิงชราต้องยักแย่ยักยันเสียเวลาไปปลอบกว่าจะเรียกขวัญคืนกันมาได้ ด้วยประสบการณ์คนทำนามาทั้งชีวิตฟังเสียงฟ้าร้องก็รู้ว่าน้ำต้องท่วมหนักแน่ โดยไม่ต้องพึ่งข่าวพยากรณ์อากาศ และตอนนี้ปัญหาที่มาพร้อมกับลมฝนฟ้าและระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น คือ หลานสองคนของนางยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า คนพี่ร้องบอก ‘แม่เฒ่า* นุ้ยเนือยแล้ว’ เป็นระยะๆ นางตอบตัดปัญหาไปว่า ‘เออเดี๋ยวหาให้กิน’ คนน้องดีหน่อยที่นางชงนมข้นหวานกับน้ำฝนใส่ขวดนมดูดไปพลางๆ แม้จะเสี่ยงต่อท้องอืดก็ต้องยอม เพราะความรู้เรื่องไฟฟ้าอะไรต่างๆ ไม่มี พอฝนเริ่มตกหนักแลเห็นน้ำเจิ่งเข้ามาในพื้นบ้าน หญิงชราก็รีบสับสะพานไฟลง เพราะกลัวไฟฟ้าจะช็อตดังที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ และที่แย่กว่านั้นเผลอแป๊บเดียวกาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว ถ้วยจานรามไหถูกน้ำไหลเข้ามายกให้ก้นลอยขึ้นแล้วพากันกลิ้งขลุกๆ ไปติดอยู่ตรงซอกประตูตามแรงน้ำกระเพื่อม ถังข้าวสารไม่จำเป็นต้องยกขึ้นไว้ที่สูง เพราะไม่มีข้าวสารสักเม็ดเหลืออยู่ สองกระป๋องสุดท้ายนางได้หุงกินกับหลานๆ ไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน ตอนนั้นเพียงคิดว่า เดี๋ยวพอรุ่งขึ้นค่อยออกไปซื้อมาสักสี่ซ้าห้าโลฯ แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด

พอนึกถึงข้าวสาร นางรู้สึกเจ็บร้าวลึกๆ ในหัวอก เพราะชีวิตตัวเองโตมากับผืนนาแท้ๆ ถอนกล้าดำนาเป็นตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียนหัดเขียน ก กา เสียด้วยซ้ำ สามารถแยกแยะพันธ์ข้าวได้เพียงแต่มองใบกับลำต้น พันธุ์เล็บนก พันธุ์สังข์หยด ไข่มดริ้น ช่อปลีดำ ฯลฯ รู้ว่านาลึกควรปลูกข้าวพันธุ์ไหน นาดอนปลูกพันธุ์อะไร ศึกษาเรียนรู้จากการทำเอง จนตกผลึกเป็นภูมิปัญญาสามารถบอกต่อคนอื่นได้ แต่ใครล่ะจะอยากเรียนรู้ เมื่อปัจจุบันไม่มีสักเรือนแถวนี้ทำนากันแล้ว ต่างพึ่งข้าวสารถุงในร้านสะดวกซื้อเหมือนๆ กันทั้งนั้น การทำนามิใช่เพียงแต่ได้ข้าวอย่างเดียว ผักปลาต่างๆ มีให้หาอยู่หากิน เหมือนฝากเงินกับผืนนาได้กินดอกผลตลอดปี หลายเดือนก่อน จู่ๆ หญิงชราอยากกิน‘มอบปู’ อยากกินจนทนไม่ได้ ต้องว่ายวานเพื่อนบ้านที่ไปขายของตลาดนัดช่วยซื้อมาให้ เพราะรู้ข่าวว่ามีคนจับมาขายเป็นกะละมังๆ จากท้องนาที่อื่นที่ยังพอหาได้ ให้เงินไปห้าสิบบาท คิดว่า อย่างดีๆ ตัวละไม่เกินบาท ที่ไหนได้ห้าสิบบาทได้ปูนามาไม่ถึงยี่สิบตัว ราคาพุ่งพรวดไปตามความสูญสลายของผืนนา อะไรที่เคยหากินง่ายยุคก่อน กลายเป็นของมีราคาที่ต้องใช้เงินซื้อ แถมบางอย่างมีเงินก็ใช่ว่าหาซื้อกินได้ สมัยก่อนปูนาแทบจะกลายเป็นศัตรูต้นข้าวที่น่ารำคาญ นาบิ้งไหนปูมากนางต้องคอยกำจัดปูทิ้ง เพื่อกันไม่ให้ปูกัดท้องข้าวตายสร้างความเสียหายแก่ผืนนา จับได้ก็ฉีกตัวออกจากกระดองแล้วทิ้งบนหัวนา อาจมีบ้างวันที่หาอะไรมาทำกับข้าวกับปลาไม่ทันจริงๆ ที่ถือถังไปหาปูในนามาสักถังครึ่งถัง เลือกเอาแต่ตัวเมีย ตัวผู้ถ้าได้ก็หักเอาแต่ก้ามใหญ่ ตัวฉีกฆ่าทิ้ง ตัวผู้ไม่ค่อยมีมัน ไม่เหมือนปูตัวเมีย ได้ปูมาถึงก็ฉีกกระดอง เขี่ยเอาเฉพาะมันปูรวมใส่ลูกถ้วย กระดองทิ้ง ส่วนตัวปูหักขาออกจนหมด ใส่ในครกแล้วตำจนละเอียด ปั้นคั้นเอาแต่น้ำ ใส่มันปูรวมกับน้ำที่คั้นได้ เอาขึ้นไฟ ใส่ก้ามปูตัวผู้ใหญ่ๆ รวมไปลงด้วย ทิ่มขมิ้น กระเทียม เกลือ ตะไคร้ พริกขี้หนูสองสามดอก ใส่ลงไปในหม้อ คนจนน้ำงวด ได้มอบปูหอมอร่อย กินกับข้าวสุกใหม่อร่อยอย่าบอกใคร แต่ปัจจุบันอย่าได้หา ที่มีขายตามตลาดก็ล้วนย้อมแมวขาย มอบปูผสมแป้งเสียโดยมาก เพราะนับวันปูนาหายากยิ่ง กว่าจะหาเนื้อและมันปูมามอบได้สักหม้อต้องใช้ปูเป็นร้อยๆ ตัว

ข่าวฝนตกติดต่อกันหลายวัน ซึ่งเกิดจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลางและตอนล่าง ทำให้ฝนตกหนักทั่วพื้นที่และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก แต่ใครจะนึกว่าครั้งนี้น้ำจะท่วมใหญ่ที่สุดในรอบยี่สิบปี และในช่วงยี่สิบปีมันนานพอที่ทำให้สภาพบ้านเมืองภาคใต้เปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม โดยเฉพาะผืนป่า ถนนหนทาง เรือกสวนไร่นา ป่าไม้ลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย ถนนดำคดเคี้ยวแยงเข้าไปทั่วทุกที่ เหมือนงูพิษร้าย เลื้อยไปถึงไหน ป่าหายถึงนั่น ถ้าหาก‘สางห่า’มีจริงตามที่นิยายเรื่อง ‘เพชรพระอุมา’ ว่าไว้ ถนนหลวงนี่แหละคือสางห่าตัวฉกาจที่สุด เลื้อยไปถึงไหนต้นไม้ตายหมด และข้อนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าเทพารักษ์-เทวดาพิทักษ์ป่าไม่มีจริง ถ้ามีคงสำแดงฤทธิ์ให้รถแทรกเตอร์หรือไม่ก็เลื่อยไฟฟ้ามีอันเป็นไปบ้างแล้ว แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าโลกมนุษย์เข้าสู่ยุคเสื่อมทรามถึงที่สุด เทวดาเลยหนีขึ้นสวรรค์กันหมด ไม่ทนอยู่ป่าอยู่เขาเหม็นกลิ่นมนุษย์ต่อไปอีกแล้ว ถนนมาป่าไป ไฟฟ้าถึงสิ่งบันเทิงคาวโลกีย์เบ่งบาน และยิ่งยุคอบต.แข่งขันกับสร้างผลงานแบบผักชีโรยหน้า ถนนคือตัวดูดงบประมาณมาเถือตัดแบ่งกันในทีมได้ดีที่สุด และเมื่อทำดะไปพูนดินขึ้นเป็นฐานถนนแบบเอาเร็วเข้าว่า ตัดผ่านไปตามที่ลุ่มซึ่งเคยเป็นท้องนา ถนนคือปราการกั้นน้ำตัวร้าย ทำให้มวลน้ำไม่สามารถถ่ายเทตามธรรมชาติที่เคยเป็นได้ ไหลไปรวมรอระบาย ผลคือถนนทุกสายน้ำพังคอสะพานขาดสิ้น และเมื่อผสมกับผืนนากลายเป็นป่ายางไปหมด ความหายนะจึงสำแดงเดชของมันอย่างถึงพริกถึงขิง

ความช่วยเหลือจากภาครัฐต่อผู้ประสบอุทกภัยดูเหมือนวจะชักช้าต้วมเตี้ยมเหมือนเต่าชราขาหัก จนกลายเป็นธรรมเนียมไปทุกๆ เรื่องเมื่อเอ่ยถึงภาครัฐ ทำให้อดีตพิธีกรข่าวดังออกโรงเองเดินทางไปช่วยเหลือผู้คนแล้วไลฟ์สดทางโลกออนไลน์ เป็นเหตุให้ทุกภาคส่วนเริ่มกระเตื้องขึ้น กลัวตัวเองจะเสียหน้า เพราะผู้ประสบภัยพิบัติเดือดร้อนกันจริงๆ บางบ้านต้องอพยพไปอยู่บนหลังคา คน หมา แมว ไก่ หมู วัว สองวันสามวันพอว่า แต่นานเป็นอาทิตย์ความเสดสาเวทนาจึงบังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สายธารน้ำใจค่อยหลั่งไหลจากทั่วสารทิศมุ่งตรงต่อพื้นที่ประสบภัยพิบัติอย่างน่าชื่นใจ...หากมองจากภาพข่าว

“แม่เฒ่านุ้ยเนือยแล้ว !”

หญิงชรารีบลุกลี้ลุกลนก่อไฟด้วยเศษไม้กั้นช่องลมในครัว ด้วยมือไม้สั่นงกๆ เงิ่นๆ ก่อไฟเฉพาะกิจขึ้นบนก้นโอ่งน้ำ โอ่งน้ำใบนี้เมื่อก่อนมันเคยถูกใช้สำหรับใส่น้ำกินที่ถ่ายมาจากโอ่งใหญ่ริมชายคาในยามที่น้ำกินมีค่าหน้าแล้ง แต่ถึงตอนนี้ไม่มีประโยชน์อื่นใดอีกแล้ว เพราะน้ำฝนจากโอ่งใหญ่ ที่ชายคาล้นแล้วล้นอีกจากปริมาณน้ำฝนที่ไม่มีทีท่าจะสร่างลงแต่อย่างใด พลิกปากโอ่งลงข้างล่าง ใช้ก้นแทนพื้นที่แห้งสำหรับก่อไฟไปพลางๆ ด้วยไม้ที่งัดจากซี่กรงกั้นช่องลม มันเก่าผุจนเกือบจะหลุดอยู่แล้ว นำมาใช้เป็นไม้ก่อไฟแก้ขัดยามยาก

ก่อนหน้านี้เมื่อได้ยินเสียงหลานคนโตรบเร้าจะกินข้าว นางตัดสินใจลุยน้ำไปที่จอมปลวกข้างๆ เรือน ที่นั่นมีมันสำปะหลังที่นางปลูกไว้เอง มันโตพอจะมีหัวให้ถอนมาหมกกินพอประทังหิวไปก่อนได้ และเหมือนฟ้ายังมีตา ดินปลวกร่วนซุยด้วยฤทธิ์น้ำท่วม หญิงชราออกแรงถอนไม่นานก็สามารถดึงหัวมันขึ้นมาได้ทั้งมูล ในครัวตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากคลองหลังคืนลอยกระทง ด้วยถ้วยจานพลาสติกลอยโคล้งเคล้งอยู่ทั่วไป ระดับน้ำสูงไหลเข้าไปในฐานเตาอั้งโล่ ทุกอย่างท่วมน้ำใช้ไม่ได้หมด ยามปกติหญิงชราจะใช้เครื่องครัวไฟฟ้าก็เพียงแต่หม้อหุงข้าวเท่านั้น ทำแกงหรือทำกับข้าวเล็กๆ น้อยๆ จะใช้เตาไม้ฟืนแบบเก่า ด้วยคิดว่าประหยัด มีไม้ฟืนให้นำมาก่อไฟอยู่รอบบ้าน ไม่ต้องเปลืองค่าแก๊ส แถมนางมีความเชื่อลึกๆ เอาเองว่า ไฟที่ได้จากแก๊สหุงต้มมันมีพิษแฝงอยู่ด้วย ทำให้คนปัจจุบันเจ็บป่วยกันสารพัดโรค เลยเลือกที่จะใช้ไฟจากไม้ฟืนแบบโบราณตามที่ตัวเองคุ้นเคยมาแต่เด็ก เอาขี้ยางแห้งติดร่องกรีดที่ชาวบ้านลอกทิ้ง ขอมาทำเป็นเชื้อไฟ ขี้เกียจเก็บไม้ฟื้นก็เอากะลามะพร้าวมารวมๆ กันไว้ใช้เป็นเชื้อไฟได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยสามปากสามท้อง ตัวเองและหลานอีกสองคน กับข้าวกับปลาจึงทำง่ายๆ ไม่มากเรื่อง ถ้าจะทำอะไรพิเศษก็มักจะเป็นกับข้าวเพื่อหลานทั้งสอง ถ้าลำพังตัวเองแค่กะปิสักช้อนคาว เอาใบตองห่อแล้วปิ้งไฟถ่าน กินกับพริกขี้หนูสด ข้าวสวยร้อนๆ ก็พอแล้ว

กว่ามันหมกถ่านจะสุกระดับน้ำในบ้านก็ไล่ขึ้นมาเลยตาตุ่ม กลิ่นหอมฉุยของมันหมก ผนวกกับความหิวอดของหลานๆ ทำให้หัวมันฝีมือแม่เฒ่าเลอรสเป็นอย่างยิ่ง ถ้าจะมีข้อดีสักข้อสองข้อในตัวหลานที่นางสามารถยกอวดเพื่อนบ้านได้ ก็คือ เลี้ยงง่าย กินง่าย นอนง่าย เคยกระทั่งให้กินข้าวกับน้ำปลา ก็กินหมดเกลี้ยง ขอแค่ให้ได้กินให้ได้อิ่ม เลี้ยงง่ายทั้งพี่ทั้งน้อง เพียงแต่ว่าคนน้องยังต้องดูดขวดนมอยู่ เหมือนเป็นสิ่งแทนความรักอย่างเดียวที่เหลือจากแม่ ก่อนที่แม่จะหายตามสามีไปที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ายิ่งนับวันเหมือนยิ่งห่างไกลจนลืมที่ฝังรกตัวเอง นางยังจำได้ตอนลูกสาวดิ้นจะตกฟาก สามีนางวิ่งฝ่าสายฝนไปตามยายลั่นหมอตำแยมาทำคลอดให้ แต่ด้วยสภาพถนนหนทางยังไม่ดี แถมฝนยังตกหนักอีก สามีเลยใช้วิธีให้ให้ยายลั่นขี่หลังแล้วแบกมาอย่างทุลักทุเล ตอนนั้นแม้การทำคลอดแบบใหม่จะมีแล้ว แต่หญิงชราก็ยังอยากทำคลอดแบบเดิม เพราะมีความผูกพันกับหมอตำแยคนนี้เป็นพิเศษ และการทำคลอดแบบพื้นบ้านคราวนั้นก็ถือว่าเป็นการทำคลอดแบบตั้งเดิมครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นยายลั่นก็จากโลกไปด้วยโรคชราพร้อมๆ กับปิดตำนานหมอตำแยอาชีพของแกไปตลอดกาล

ตอนคลอดนึกว่าจะไม่รอดทั้งแม่ทั้งลูกแล้ว เพราะไม่ยอมออกง่ายๆ ยายลั่นต้องใช้ซีกไม้ไผ่ฝ่า กรีดปากช่องคลอดให้กว้าง เพื่อให้หัวเด็กหลุดออกมา และด้วยเหตุนี้ทั้งนางและสามีจึงตั้งชื่อลูกสาวว่า ‘ไผ่’ เพื่อเป็นเครื่องตอกเตือนใจลูกว่าแม่เจ็บปวดแค่ไหนกว่าจะคลอดออกมาได้ แต่แล้วพอมาถึงตอนนี้ ความเจ็บปวดเพราะถูกกรีดด้วยซีกไม้ไผ่วันคลอดกลายเป็นเรื่องเล็กไปทันที เมื่อเจอกับพฤติกรรมที่ลูกสาวทำให้เจ็บปวดพอโตขึ้น

ผ่านพ้นวิกฤติปากท้องชั่วคราว วิกฤติใหม่ก็เกิดขึ้น ค่ำแล้วจะนอนไหน ความคิดแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะอยู่ในบ้านตัวเองแท้ๆ แต่หาที่นอนไม่ได้ ความมืดแลบลิ้นที่แสนใหญ่และตะกละตะกลามมาจากทั่วฟ้าแล้วกวาดกลืนแสงสว่างไปสิ้น หญิงชราไม่กล้าเปิดสะพานไฟ กลัวไฟฟ้าดูดจนเข้ากระดูกดำ เดชะบุญที่บนหิ้งพระ ซึ่งบนนั้นรกไปด้วยพระเครื่ององค์เล็กๆ ที่ได้รับแจกในโอกาสต่างๆ ฉากรูปสามีที่เคยวางหน้าโลงศพ ม้วนสายสิญจน์ โกศทองเหลืองบรรจุกระดูกสามี ซากดอกไม้แห้ง ของขลังอย่างซากงูเหลือมปากเป็ดของสามี ที่อยู่ในตลับเล็กๆ ปิดทองเอาไว้ ธูปและก็เทียน หญิงชราค้นได้เทียนไขสีเหลืองแท่งขนาดนิ้วก้อยกล่องหนึ่ง ส่วนไฟเช็คแบบแก๊สอันเล็กๆ นางซื้อมาติดเรือนไว้ตลอด เพราะต้องใช้สำหรับติดเตาทำแกง

อาศัยแสงสว่างจากแรงเทียนเล่มน้อย สามชีวิตยายหลาน ใช้หลังตู้เสื้อผ้าเป็นที่นอน โดยก่อนหน้านี้เมื่อน้ำขึ้นสูงจนท่วมเตียงนอน หญิงชราพยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่พอเหลือ ดันตู้เสื้อผ้าซึ่งเคยเป็นของลูกสาวสองตู้มาเรียงกัน เสื้อผ้าสิ่งของต่างๆ เจ้าของขนไปหมดแล้วเหลือแต่ตู้เปล่าๆ เลยไม่ต้องใช้แรงมากนัก และเมื่อดันตู้มาเรียงต่อกันแล้วข้างบนมีพื้นที่กว้างสามารถนำเบาะที่นอนขึ้นไปวางนอนหนีน้ำแก้ขัดไปพลางๆ ได้

สิ่งของเครื่องใช้ข้าวสารอาหารแห้งถุงยังชีพจำนวนมหาศาลหลั่งไหลมายังพื้นที่น้ำท่วม ทีวีแทบทุกช่องทำข่าวและออกข่าว ดารานักแสดงนำสปีดโบ๊ทออกช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วมหนัก โดยขับรวมกันเป็นทีมเหมือนร่วมกันเล่นกีฬาทางน้ำ มีการถ่ายเซลฟี่กับเรือและถุงยังชีพอัพลงเฟซบุ๊ค/อินสตาแกรม ทีวีช่องดังนำเรือพลาสติกที่มีโลโก้ตัวเองไปมอบตามแหล่งชุมชนต่างๆ โดยเน้นมอบไว้ที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นหลัก เมื่อถ่ายภาพส่งมอบเสร็จ ได้ภาพออกเผยแพร่ช่วงข่าวสั้นต้นชั่วโมง ภารกิจก็เป็นอันเสร็จสิ้น หน่วยงานที่ออกประกาศรับของบริจาคทั้งเงินสดและสิ่งของ ต่างลงพื้นที่ประสบภัยกันทั่วหน้า แต่เพราะการตะเวนไปตามแหล่งห่างไกลจากถนนใหญ่ไกลย่านชุมชนเป็นเรื่องไม่สนุก ในที่สุดพอมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านแถบติดถนน ถ่ายภาพเป็นหลักฐานลงเฟซบุ๊คอะไรเสร็จ เหลือถุงยังชีพสิ่งของบริจาคเท่าไหร่ก็พาไปเทกองไว้ที่ผู้ใหญ่บ้าน

“เอ้า....พวกเราคัดแยกทำเป็นห่อๆ คัดมาม่าปลากระป๋องข้าวสารถุงที่บริจาคมารวมๆ กันก่อน ไอ้ที่เป็นเพ็คๆ อย่าเพิ่งเอาออกใช้ น้ำก็เอาขวดขุ่นก่อนนะ ขวดใสเก็บไว้ทีหลัง ใส่ข้าวสารสักลิตรปลากระป๋องสองกระป๋อง ทำเป็นถุงๆ ให้เยอะที่สุด เออ..ใส่เข้าไปเถอะ บุบนิดบุบหน่อยไม่เป็นไรหรอก ก็ของเขาบริจาคมาจะเอาอะไรดีนักหนา เอ้าพวกเรามองกล้องหน่อย ถ่ายให้ติดของทั้งหมด รวมถึงที่เก็บไว้แจกทีหลังโน้นด้วย ถ่ายมุมกว้างๆ แล้วอย่าลืมเอาลงหน้าแฟนเพจหมู่บ้านเรานะ ถ่ายเยอะๆ ลงเยอะๆ บรรยายใต้ภาพว่า เตรียมของแจกกันอย่างขะมักเขม้นข้ามวันข้ามคืนภายใต้การนำของผู้ใหญ่บ้าน เพื่อบรรเทาทุกข์ลูกบ้าน เตรียมใส่ถุงเสร็จกองไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยประกาศในกลุ่มไลน์หมู่บ้านให้คนมารับของที่นี่ และตอนชาวบ้านมารับอย่าลืมถ่ายรูปไว้เยอะๆ ล่ะ อันนี้สำคัญ เผื่อเขามาตรวจจะได้มีหลักฐานให้เขา...”

“ไม่มีปัญหาครับผู้ใหญ่ ผมจะออกใบเสร็จอย่างถูกต้อง ผมทำงานกับหน่ายงานราชการมาเยอะ รู้ขั้นตอนดี ไอ้ผมมันคนค้าขาย ก็อยากจะขายของได้เยอะๆ เป็นธรรมดา ผู้ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง เสือไม่ยุ่งสิงห์ ร่วมมือกันจับกวางกินให้อ้วนพีดีกว่า ได้ข่าวว่าเงินเยียวยาน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ ผู้ใหญ่ฉลาดที่เปิดบัญชีรับบริจาคในนามหมู่บ้าน อย่าไปพึ่งเงินจากรัฐเลย ได้น้อย และกว่าจะตกถึงเราจากหลักล้านก็เหลือหลักหมื่น แจกจ่ายชาวบ้านได้จริงก็หลักร้อย เหนื่อยเปล่า รอนานอีกต่างหาก จำไว้เลยนะผู้ใหญ่ เปิดบัญชีในนามหมู่บ้าน หากรรมการที่รู้ใจกัน เท่านี้ปัญหายุ่งยากต่างๆ ก็จบ เรื่องตัวเลขปรึกษาผม ผมจัดการให้ได้หมด เคยร่วมงานกับอบต.มาหลายคณะแล้ว รับรองไม่มีกลิ่น... สังกะสีที่จะพาไปแจกลูกบ้านซ่อมแซมหลังคา ราคาจริงแผ่นละ 200 ให้ผมเขียนในใบเสร็จว่า แผ่นละ 500 นะครับ ไม่มีปัญหา...”

ฝนไม่มีทีท่าจะหยุดตกลงง่ายๆ แค่ผ่อนโปรยลงเป็นบางช่วงแล้วโหมหนักลงอีก หญิงชราไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เลย ได้แต่นั่งใช้สายตาที่ฝ้าฟางมองไปยังความมืดเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอยและไร้จุดหมาย เสียงสายฝน แมงกลางคืน กบเขียด อึ่งอ่าง ส่งเสียงบอกความมีอยู่ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา รวมระงมเป็นเสียงอีกอย่างที่ฟังแล้วเหมือนบทสวดของปิศาจ ช่วงหนึ่งหลานคนเล็กร้องละเมอหาแม่ลุกขึ้นนั่ง หญิงชรารีบจับร่างหลานกลัวจะพลัดตกลงไปเบื้องล่าง เป็นราตรีที่แสนยาวนานเหลือเกิน ยาวนานโดยไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่นานแค่ไหน และต้องนั่งไปอีกนานเท่าใดกว่าแสงแรกแห่งอรุณจะมาเยือน

นั่งหลับนกไปตอนไหนไม่รู้ ฉับพลันหญิงชราต้องสะดุ้งตื่น เพราะหูได้ยินเสียงคนลุยน้ำเดินเข้ามาบริเวณบ้าน และพอลืมตาจึงรู้ว่าท้องฟ้าสว่างแล้ว

เป็นเณรคล้อยเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างไปทิศหัวนอนจากเรือนของนางนั่นเอง ไปรับของแจกที่บ้านผู้ใหญ่แต่เช้ามืด ต่อคิวรับของได้แล้วขากลับนึกเป็นห่วงว่าหญิงชราจะรู้ข่าวเรื่องของแจกหรือเปล่า เพราะอยู่กันตามลำพังยายหลาน มือถือเฟซบุ๊คไลน์อะไรก็ไม่รู้เรื่องกับเขา

หญิงชรากล่าวขอบอกขอบใจเณรคล้อยเพื่อนบ้านที่ยกถุงยังชีพของตัวเองให้ก่อน เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรกินกับหลานๆ มาตั้งแต่เมื่อวาน โดยตัวเองจะลุยน้ำกลับไปขอรับใหม่ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธจากผู้ใหญ่บ้าน เพราะได้ประกาศแล้วว่า ได้คนละถุงเท่านั้น

ภายในถุงยังชีพมีข้าวสารกับปลากระป๋องสองกระป๋อง หญิงชราไม่รอช้ารีบติดไฟด้วยเตาไฟดั้งเดิม โดยยกเตาอั้งโล่ที่จมน้ำอยู่มาวางบนก้นโอ่งจุดที่เคยใช้ก่อไฟหมกหัวมันให้หลานๆ กินเมื่อวาน ใช้ไม้กั้นช่องลมที่เหลือมาทำฟืน ด้วยความชำนาญการก่อไฟแบบเดิมที่คุ้นเคยมาตลอดชีวิต การหุงข้าวแบบเก่าก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่จำนวนข้าวสารที่ได้หากว่าฝนยังตกอยู่แบบนี้ คงไม่พอสำหรับสามชีวิต หญิงชราจึงตั้งใจว่า เมื่อให้หลานกินข้าวกับปลากระป๋องเสร็จแล้ว ตนจะลองเสี่ยงลุยน้ำไปบ้านผู้ใหญ่เผื่อจะได้แจกถุงยังชีพบ้าง

“เวลาเรียกประชุม ไม่เห็นมากันมากแบบนี้เลย นั่นลุงเจิมก็มา ตั้งแต่ผมเป็นผู้ใหญ่ ไม่เคยเห็นมาประชุมเลยนี่ครับ แล้วทำไมวันนี้ถึงมาได้ ต่อแถวให้เป็นแถวนะครับพ่อแม่พี่น้อง อย่าลัดคิวกัน ไม่ต้องเข้ามาในบ้านนะครับ เดี๋ยวพื้นจะเลอะโคลน อ้าวนั่นน้าเณรคล้อยเมื่อเช้าก็ได้ไปแล้วนี่ เวียนเทียนไม่ได้นะครับ ได้คนละหนึ่งถุงเท่านั้น หา...อะไรนะ ! เอาไปให้ยายปลิกกับหลาน สงสารตัวเองก่อนเถอะน้า... ยายปลิกอีกคนไม่เคยมาประชุมเลย ไม่ให้ความร่วมมืออะไรสักอย่าง เอะอะอ้างแต่ต้องดูแลหลาน ไม่ให้แล้วนะครับน้าเณรคล้อย ได้แล้วก็พอแล้ว อย่าเอาเปรียบคนอื่น ... ทีมงานถ่ายรูปตอนแจกของไว้เยอะๆ นะ ถ่ายให้หลายมุม เดี๋ยวพอคนมามากกว่านี้ไลฟ์สดเลยก็ได้...”

...

ย่ำสายฝนเริ่มซาเม็ดลง แต่ฟ้ายังมืดครึ้มด้วยเมฆก้อนใหญ่ที่ลอยต่ำลงเหมือนลูกโป่งสีคล้ำที่อัดแน่นไปด้วยน้ำ รอเวลาแตกทะลักลงเป็นห่าฝน หญิงชราคิดในใจถ้าจะทำอะไรก็รีบทำ ฝนตกมาอีกจะลำบาก จึงร้องสั่งหลานคนโตให้ดูแลน้องดีๆ และสั่งให้ทั้งสองอย่าได้ลงจากที่นอนหลังตู้เด็ดขาดตนจะไปเอาของแจกที่บ้านผู้ใหญ่

เส้นทางที่แสนคุ้นเคย หากในยามปกติเดินหลับตาไปก็ยังได้ แต่ตอนนี้กว่าจะก้าวขาแต่ละขาช่างลำบากยากเย็นเหลือเกิน เพราะแรงน้ำที่เชี่ยวระดับน่อง บางแห่งสูงถึงกลางขา หญิงชราสู้ทนยักแย่ยักยันพาร่างกายฝ่าแรงน้ำไปทีละนิดๆ ในใจก็นึกภาวนาอย่าให้ฝนตกลงมาเสียก่อน มิเช่นนั้นคงแย่หนัก

เส้นทางไปบ้านผู้ใหญ่ ยามปกติเดินตามถนนทำใหม่เทด้วยคอนกรีต ในยุคที่ผู้คนไม่ค่อยเดินเท้ากัน จะโดยสารรถมอเตอร์ไซค์เป็นหลัก แต่ยามนี้ถนนมีแต่น้ำ ไม่เห็นรถสักคัน แถมบ้านของนางก็ปลูกห่างไกลจากเพื่อนบ้านเหมือนปลีกแยกออกมาต่างหาก ในยามปกติน้ำไม่ท่วมก็นานๆ จะมีใครผ่านมาสักคนอยู่แล้ว ที่ผ่านบ้างก็มีแต่เณรคล้อย เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันที่สุด จะผ่านแวะทักทายพอให้คลายเหงา

ถ้าจะไปทางถนนซึ่งเป็นทางอ้อมต้องใช้เวลานาน ไปกลับอาจเลยเที่ยง ไม่ได้หลานทั้งสองอยู่กันตามลำพังนานเกินไป นางต้องใช้ทางลัดเดินตัดผ่านป่าสาคูซึ่งเป็นเส้นทางแต่เดิมก่อนจะมีถนน หญิงชราคุ้นเคยกับทางเส้นนี้ดี เพราะใช้เดินไปเก็บยอดผักกูดในป่าสาคูมาผัดกินอยู่ตลอด ป่าสาคูนี้ถือเป็นผืนสุดท้ายที่ยังไม่ถูกเจ้าของไถปรับที่ทำเป็นสวนยาง เจ้าของเป็นผู้มีอันจะกินอยู่ในเมือง ชาวบ้านจึงได้เข้าไปเก็บผักกูด ผักหนาม หากุ้งฝอย รวมถึงตัดใบต้นสาคูมาเย็บจากมุงหลังคาคอกเป็ดคอกไก่ ทางอาจจะรกไปบ้างแต่ก็ยังเป็นทาง มีลำบากหน่อยก็ตรงกลางป่าต้นสาคูที่ต้องข้ามร่องน้ำตื้นๆ เท่านั้น

จากตอนแรกที่คิดว่าคงไม่ยากเย็นอะไร ที่ไหนได้ตรงร่องน้ำกลางป่าสาคูเหมือนเป็นจุดถูกบีบให้มวลน้ำไหลรวมกันเป็นทางน้ำ จึงเชี่ยวแรงจนน่ากลัว แต่มาถึงขั้นนี้หญิงชราไม่คิดจะเปลี่ยนใจกลับไปใช้ถนนทางอ้อมอีก จึงค่อยๆ พากายฝ่าข้ามไปให้ได้ ตัวเองก็อยู่กับน้ำมาตั้งแต่เด็ก ช่วงทำนาหน้าน้ำท่วมเคยออกไปล่องน้ำหาปลาทงเบ็ดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกว่าน้ำเป็นศัตรูต่อชีวิตการเป็นอยู่ ในทางกลับกันน้ำท่วมเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ปีหนึ่งมาเยี่ยมเยียนครั้งสองครั้งพอได้ตื่นเต้น มีปลาน้ำใหม่ตัวใหญ่ๆ ให้จับกินเหมือนเป็นของฝาก

ระดับน้ำที่ร่องน้ำสูงเกือบโคนขา แต่หากข้ามไปได้ พ้นป่าสาคูออกไปก็จะเป็นโคกเดินง่ายใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านผู้ใหญ่แล้ว หญิงชราพยายามไล่เท้าเหยียบไต่ไปตามพื้นดินใต้น้ำเพื่อพาร่างฝ่าสายน้ำที่ทั้งเชี่ยวและลื่น บนฟ้าก้อนเมฆครึ้มทะมึนค่อยๆ ลดต่ำลงมา ลมพัดแรงขึ้นตามลำดับ แม้เวลาแค่ย่ำเที่ยง แต่บรรยากาศรอบทิศเริ่มขมุกขมัวจนน่าใจหาย

ประกายสายฟ้ากรีดเมฆแลเป็นแผลสีแดงเส้นยาว ได้ยินเสียงตอนแรกดัง แปล๊บๆๆๆ อึดใจต่อมา ปฐพีก็ประหนึ่งเกิดอาการเลื่อนลั่น อาจเพราะตกใจเสียงฟ้าผ่าแรงและดังจนน่ากลัว หรือเพราะเรี่ยวแรงที่มีเหลือดั่งฟางเส้นสุดท้ายในวัยชราขาดผึง ตีนที่รับร่างซึ่งเหยียบอยู่บนพื้นดินเหนียวที่ถูกสายน้ำแรงเชี่ยวไหลผ่าน ลื่นไถลอย่างเกินยับยั้งได้ ร่างหญิงชรามีสภาพไม่ต่างเสื้อผ้าร้ายขี้ริ้วที่ลอยตามน้ำ

ฟ้าโปรยเม็ดฝนขนาดเท่าก้อนน้ำตาลงกระทบใบสาคูได้ยินเหมือนเสียงข้าวตอกแตก กลบสรรพสำเนียงต่างๆ ไปสิ้น ก่อนเสี้ยวสัมปชัญญะสุดท้ายของหญิงชราจะดับลง นางเห็นภาพตัวเองอยู่ในทุ่งนาข้าวสีเขียวขจี กุ้ง ปลา ปู รายรอบกาย กลิ่นใบกล้าหอมโชยเข้าจมูก ... มันหอมตราตรึงใจจนหญิงชราอยากหยุดความหอมนั้นไว้เป็นนิรันดร์.

*แม่เฒ่า ถิ่นใต้นครศรีฯ เรียกแม่ของแม่ว่า แม่เฒ่า





#feedDD #MASS

 

ติดตามเรื่องราวดีๆ อัพเดท สื่อเป็นโรงเรียนของสังคม ที่แฟนเพจ สื่อเป็นโรงเรียนของสังคม ที่นี่





เส้นทางจากดาวน์...สู่ดาว แคทลียา อัศวานันท์ ศิลปินดาว์นซินโดรมคนแรกของไทย

แม้โรงเรียนรุ่งอรุณจะอยู่ไกลจากบ้านของเธอมาก แต่อุปสรรคนี้กลับกลายเป็นโอกาส เมื่อครอบครัวตัดสินใจให้คุณเหมียวเดินทางไป กลับ ด้วยรถเช่าเหมาร่วมกับครอบครัวอื่นที่อยู่ในเส้นทางเดียวกัน

เรื่องของลุงยู้ : โดยประชาคม ลุนาชัย ผลงานประเด็นกลุ่มอ่อนไหวและเปราะบาง

ชายรูปร่างสูงผอม ผมบนหัวขาวโพลนไปทุกเส้น แววตาแข็งกร้าวใบหน้าเหมือนไม่เคยมีรอยยิ้มประดับ.....

นางเลี้ยงหมากะป้าแจ่ม : โดยชมัยภร แสงกระจ่าง ผลงานประเด็นกลุ่มอ่อนไหวและเปราะบาง

ชาวบ้านซอยหมา เรียกป้าแจ่มเป็นนางงามมิตรภาพประจำซอย เพราะเป็นคนชอบแจกยิ้มและชอบโฆษณาตัวเองพร้อม ๆ กับโฆษณาคนอื่น.....

ชายแขนเดียว : โดยธนณัฎฐ์ อารยสมโพธิ์ ผลงานประเด็นกลุ่มอ่อนไหวและเปราะบาง

ชายแขนเดียวมองดูแขนของตนเองที่มีเพียงข้างเดียว หน้าตาของเขาเศร้าสร้อย....

จุดนัดพบ : โดย พัชรพร ศุภผล ผลงานประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน

คลื่นกระแสน้ำสั่นกระเพื่อมจนตัวฉันรู้สึกได้ อาจเป็นเพราะการเดินทางเข้าใกล้จุดหมายแล้วอีกหนึ่งขั้น....

โขง ชี มูล บ่สูญจากโลกนี้ : โดย อมรศักดิ์ ศรีสุขกลาง ผลงานประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน

แม่น้ำสามสายเรียกชื่อต่างกันว่า โขง ชี มูล แกยังเคยได้ฟังหมอลำนกน้อย อุไรพร ร้องลำไว้ในเพลง ลำนำพิณแคน....

ตำรวจบ้าแห่งปรางค์กู่ : โดย จิรกฤต ยศประสิทธิ์​ ผลงานประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน

บางครั้งเมล็ดพันธุ์ที่เจริญเติบโตได้ดีก็ใช่ว่าจะอยู่รอดปลอดภัยเสมอไป....

โลกของชานน : โดยนิติพร ชุมศรี ผลงานประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน

ชีวิตของเขาแทบจะไม่มีอะไรดีเลย ยกเว้นความดีในตัวเขาเอง....

แม่น้ำโบราณ : โดยเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ผลงานประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน

หญิงสาวในบ้านไม้เก่าแก่ ในฤดูกาลแห่งพรรษา เธอเฝ้าเว้าวอนจันทร์ ขอเพียงอย่าให้สายฝนทิ้งช่วงเลย....

โครงการสื่อเป็นโรงเรียนของสังคม (Media As Social School)

128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza,  16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand

โทรศัพท์ : 02-298-0987-8 โทรสาร : 02-298-0989
อีเมล : [email protected]