‘นครปฐม’ ประกาศเจตนาฯ ลด NCDs ลุยแจก ‘เครื่องวัดความเค็ม’ ตรวจอาหารในโรงเรียนทั้งจังหวัด ด้าน สสส. เดินหน้าหนุน 3 โรงเรียนเป็นต้นแบบโรงเรียนอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน
“รมช.อนุชา” นำทัพชาว จ.นครปฐม เดินหน้า Kick Off ประกาศเจตนารมณ์ปรับพฤติกรรม ลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ “NCDs” พร้อมเดินหน้าแจก “เครื่องวัดความเค็ม” ให้สถานศึกษาทั่วจังหวัดใช้ตรวจตราอาหาร-เครื่องดื่ม วางสายตรวจทำหน้าที่สอดส่อง-แจ้งผู้เกี่ยวข้อง หวังขับเคลื่อน 3 เดือนให้เห็นผล บนการใช้กรอบกติกา “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” เป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงาน ด้าน สสส. ยังคงเดินหน้าหนุน 3 โรงเรียน ในจังหวัดนครปฐมมาเป็นโรงเรียนต้นแบบ เพื่อสร้างนวัตกรรมสื่อเพื่อรณรงค์ลดหวาน มัน เค็ม ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2568 นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรองประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดเวที Kick Off ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา และประกาศเจตนารมณ์ปรับพฤติกรรม ลด ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (NCDs) ในสถานศึกษาพื้นที่จังหวัดนครปฐม จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
สำหรับเวที Kick Off ในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นต่อเนื่องภายหลังจากที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการดำเนินงานดังกล่าวร่วมกันไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 ณ โรงเรียนราชินีบูรณะ (เทพผดุงพร) ซึ่งในเวทีครั้งนี้นอกจากที่จะได้มีการประกาศเจตนารมณ์ในการลดปัญหาโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ภายในสถานศึกษาร่วมกันแล้ว นายอนุชา ยังได้ทำพิธีมอบเครื่องวัดความเค็ม (Salinity meter) ให้กับผู้บริหารสถานศึกษาภายในจังหวัด เพื่อใช้ขับเคลื่อนการลดบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ภายในโรงเรียนอีกด้วย
นายอนุชา เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ จะทำให้นครปฐมถือเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ที่มีการเดินหน้าเรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจในการลดโรค NCDs ภายในสถานศึกษาอย่างครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ในสถานศึกษา ทั้งระดับชั้นประถมไปจนถึงมัธยม พร้อมด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทั้งคณาจารย์ และพ่อ แม่ ผู้ปกครอง
“เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องสร้างความเข้าใจ ให้เด็กในวันนี้ได้รับรู้และมีสิทธิที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยในอนาคต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เป็นประโยชน์ โดยที่โรงเรียนและครูให้ความใส่ใจ สอดแทรกความรู้เข้าไปในแต่ละมื้ออาหารของเขา ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อทำให้ลูกหลานเราเติบโตได้แบบมีคุณภาพ แต่ก็เชื่อว่าส่วนใหญ่เราจะดูแลเด็กในโรงเรียนได้เพียงมื้อเที่ยงมื้อเดียวเท่านั้น จึงขบคิดอยู่ว่าในอีกสองมื้อที่เหลืออาจไปใช้เป็นกลไกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้ามาช่วยเสริมการขับเคลื่อนในพื้นที่บ้านของเขา” นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการ Kick Off ในวันนี้ จะมีการเดินหน้าจัดตั้งกองกำลังสายตรวจ NCDs ในสถานศึกษาของ จ.นครปฐม ที่จะประกอบด้วย ครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และนักเรียนแกนนำสุขภาพ ทำหน้าที่ในการตรวจตราอาหารการกินของทุกคนในโรงเรียน รวมถึงบริเวณรอบโรงเรียนให้มีคุณภาพ ไม่หวาน มัน เค็มจนเกินไป โดยวางเป้าหมายว่าภายใน 3 เดือนข้างหน้าจะทำให้ทุกโรงเรียนในนครปฐมกลายเป็นเขตปลอดภัยจาก NCDs ซึ่งจะต้องมีการติดตามประเมินผล พร้อมหวังให้เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนสู่จังหวัดอื่นๆ ได้ต่อไป
นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า กระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาวะในมิติต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมาทาง จ.นครปฐม ได้มีการขับเคลื่อนประเด็นเรื่องของการลดโรค NCDs อยู่แล้วภายใต้กลไกสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ซึ่งครั้งนี้เป็นการพุ่งเป้าการทำงานมาในโรงเรียน โดยได้ผนวกอีกหนึ่งเครื่องมือคือธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง สช. กับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้ามาใช้ในการนำร่องมาตรการต่างๆ
“นอกจากนี้เรายังมีการมอบเครื่องมือรูปธรรมที่เป็นเครื่องวัดความเค็ม เพื่อให้สายตรวจแต่ละโรงเรียนสามารถเอาไปจุ่มวัดอาหารหรือเครื่องดื่ม เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรที่เค็มมากเกินไปแล้วต้องลดลงหรือไม่ จะได้ช่วยกันแจ้งแม่ครัว คนทำอาหาร ครู ฯลฯ ว่าต้องแก้ไข โดยในช่วงแรกได้มีการกระจายไปประมาณ 200 ชุด แล้วหลังจากนี้ก็จะมีการจัดหาเพิ่มให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน และนอกจากเรื่องการกินแล้ว ก็ยังจะมีการกระตุ้นเรื่องของการตรวจสุขภาพร่างกาย โดยภาคีเครือข่ายสาธารณสุขเข้าไปดำเนินการตรวจคัดกรอง เจาะเลือด เช็กระดับน้ำตาล ฯลฯ” นพ.อภิชาติ กล่าว
ด้านดร.ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ และปรับพฤติกรรม ลด ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (NCDs) ในสถานศึกษาพื้นที่จังหวัดนครปฐม สสส. โดย “โครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” จึงได้เฟ้นหาตัวแทนโรงเรียนในจังหวัดนครปฐม มาเป็นต้นแบบในการดูแลเรื่องสุขภาพเด็กในวัยเรียนจำนวน 3 โรงเรียน โดย สสส.จะเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงทั้งในด้านวิชาการและด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมสื่อต้นแบบที่เหมาะสมต่อการลดปัญหาเหล่านี้ และมุ่งหวังจำนำสื่อต้นแบบที่เกิดขึ้นไปขยายผลต่อไปยังโรงเรียนอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
รศ. ดร.เกศินี ประทุมสุวรรณ กรรมการสุขภาพแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สำหรับ 3 โรงเรียนต้นแบบที่จะก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนในโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักผลไม้ จะเป็นโรงเรียนไหน สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ : แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. และแฟนเพจ : H-Club Community & Network ได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้
“ส่วนหลักการของสมัชชาสุขภาพนั้นคือความเท่าเทียมกัน ที่ทุกคนจะมีบทบาทเท่ากันในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีถูกผิด หยิบยกประเด็นปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งของพื้นที่เข้ามาชวนคิดชวนคุยเพื่อแสวงหาแนวทางออก ในมิติของสุขภาพซึ่งมีความเกี่ยวพันกับแทบทุกเรื่อง ทั้งสุขภาพทางกาย จิตใจ สังคม และปัญญา โดยปัจจุบันสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม มุ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนงานหลักๆ อยู่ 3 ประเด็น คือ อาหารปลอดภัย, ห่างไกล NCDs และ ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีประเด็นในเรื่องของการรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งก็จะมีส่วนเกี่ยวพันกับเด็กและเยาวชน ที่ต่อไปอาจต้องกลายเป็นผู้แบกรับภาระการดูแล” รศ. ดร.เกศินี กล่าว
รศ. ดร.เกศินี กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องของการลดโรค NCDs วันนี้ทาง รมช.สธ. ได้ให้ความเอาจริงเอาจัง และคาดหวังที่ต้องการเห็นมรรคผล ทางภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ก็จะมีส่วนร่วมขับเคลื่อนในเรื่องนี้ รวมถึงพร้อมมีทีมเข้าไปให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือคุณครูในโรงเรียน เพื่อติดตามการดำเนินงานด้วย
แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]