“ลำแพน” ผลไม้เปรี้ยวละมุนจากป่าชายเลน ที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
ลำแพน เป็นพืชยืนต้นขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ขึ้นตามบริเวณป่าชายเลนที่เป็นน้ำกร่อยไปจนถึงน้ำถึงระดับป่าชายเลนที่มีน้ำค่อนข้างเค็ม และชอบขึ้นในบริเวณสภาพดินเลนอ่อน
.
ขนาดความสูงของต้นอยู่ที่ประมาณ 4 - 12 เมตร กิ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลักษณะใบเป็นแผ่นรูปไข่กว้างจนเกือบกลม ขนาด 3 - 8 เซนติเมตร โดยผลลำแพนรูปร่างกลมแบนคล้ายลูกพลับ มีขั้วผลมีกาบใบเป็นรูปหกแฉกหุ้ม
ด้านในอัดแน่นไปด้วยเมล็ดเล็ก ๆ คล้ายเมล็ดฝรั่ง แต่เมล็ดจะไม่แข็งสามารถรับประทานได้ทุกส่วนทั้งเปลือก เนื้อ และเมล็ด
.
ลำแพนเป็นพืชที่เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เช่น กิ่งลำแพนมาใช้ทำฟืนหรือนำมาเผาเป็นถ่านใช้ในครัวเรือนได้ ใบหรือผลนำมาต้มเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ สามารถนำก้านเกสรตัวผู้ที่กำลังบานมาต้มประกอบอาหารได้ และสิ่งที่นิยมรับประทานกันนั่นก็คือ “ผลลำแพน” นั่นเอง
.
ผลลำแพนจะรสชาติที่ออกไปทางเปรี้ยวเค็มหวาน แต่จะไม่ได้เปรี้ยวโดดเหมือนมะนาวหรือมะดัน และด้วยรสชาติที่กลมกล่อม สามารถรับประทานสด ๆ หรือจะนำมากวนทานเป็นของหวานก็ได้เช่นกัน แต่นอกจากของหวานแล้วก็สามารถใช้ความเปรี้ยวของผลมาประกอบอาหารคาวได้ เช่น น้ำพริกกะปิลำแพน เป็นต้น
.
ซึ่งโรงเรียนวัดประชาบำรุง เขตบางขุนเทียน หนึ่งในโรงเรียนที่ร่วมโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้ โดยบางขุนเทียนเป็นพื้นที่ติดกับอ่าวไทย และถือว่าเป็นป่าชายเลนเพียงแห่งเดียวในกรุงเทพมหานครฯ ทำให้ในบริเวณนี้ก็จะมีต้นลำแพนอยู่เป็นจำนวนมาก
.
โดยลำแพนจะมีญาติห่าง ๆ ที่ชื่อว่า “ต้นลำพู” ซึ่งความแตกต่างระหว่างลำแพนและลำพูคือ
ลำพู กิ่งมักลู่ลง ใบเรียวแหลม แผ่นใบบางรูปหอก โคนใบและปลายใบแหลม กลีบเลี้ยงบางกว่าลำแพน มีกลีบดอกรูปแถบสีแดงคล้ำ โคนก้านเกสรเพศผู้สีแดง กลีบเลี้ยงแ่ผ่บานออกเป็นแนวระนาบกับตัวผลคล้ายดาว
ลำแพน กิ่งอวบหนาไม่ลู่ลง แผ่นใบอวบน้ำ แข็งและหนา รูปไข่เกือบกลม สีเขียวคล้ำ โคนใบมนหรือเกือบตัด ไม่มีกลีบดอก โคนเกสรเพศผู้สีขาว กลีบเลี้ยงหนาและแข็งโค้งงอหุ้มตัวผล
โรงเรียนวัดประชาบำรุงจึงใช้ลำแพนการทำเมนูชูสุขภาพ “น้ำพริกกะปิลำแพน” ซึ่งวิธีการทำก็เหมือนน้ำพริกกะปิทั่วไป แต่จะใช้เนื้อลำแพนมาโคลกตำกับน้ำพริก เพื่อให้ความเปรี้ยวแทนมะนาว และนิยมที่รับประทานคู่กับผักสด โดยน้ำพริกกะปิลำแพนจะมีรสชาติที่มีทั้งความเปรี้ยว หวาน เค็ม กลมกล่อมหรือภาษาวัยรุ่นจะพูดกันว่า “นัวส์มาก” จึงนับว่าเป็นเมนูอาหารทั้งอร่อยและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ตามหลักการลดหวาน มัน เค็ม เพิ่ม ผัก และผลไม้
.
ซึ่งโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วนยังมีอีกหลากหลายโรงเรียนกว่า 19 โรงเรียนทั่วประเทศที่ร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมดี ๆ ทั้งเมนูชูสุขภาพ นวัตกรรมการออกกำลังกาย ภายในธีมต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป และในวันที่ 14-15 มกราคม 2568 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครจะจัดงานประกาศผลและมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้โครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้ เร็ว ๆ นี้
.
รอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย
.
#แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ #สสส #อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน #เมนูชูสุขภาพ #โรงเรียนวัดประชาบำรุง #บางขุนเทียน #ลำแพน #ป่าชายเลน
.
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ของแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. ได้ที่
Official Web : http://artculture4health.com/
Facebook : https://www.facebook.com/artculture4h
Youtube แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรม สร้างเสริมสุขภาพ : http://bit.ly/3YVFSl5
Instagram : https://www.instagram.com/artculture.4health/
Twitter : https://twitter.com/art_culture4h
Tiktok : https://www.tiktok.com/@artculture4health
แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]