รวมเกร็ดน่ารู้เรื่อง "กินเจ"
เรื่อง โดย จักรพันธ์ ปานหลิม
ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเทศกาลกินเจหลายตำนาน ตำนานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าจามเทวี เล่าว่า เทพเจ้าจามเทวีทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองชาวจีนจากเหล่ามารร้าย ในช่วงที่ชาวจีนถูกกองทัพแมนจูรุกราน ชาวจีนจึงรวมตัวกันถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน เพื่อเป็นการขอขมาต่อเทพเจ้าจามเทวีและบรรพบุรุษ และเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยปกป้องคุ้มครองพวกเขาจากเหล่ามารร้าย อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า เทศกาลกินเจมีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ที่ชาวจีนได้ร่วมกันต่อต้านกองทัพแมนจูเมื่อ 400 ปีที่แล้ว โดยพวกเขาได้ถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเองให้เข้มแข็งและเพื่อขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้า
อีกเรื่องเล่าหนึ่ง การกินเจในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 1 ถึงขึ้น 9 ค่ำเดือน 9 (ตามปฏิทินจันทรคติ) นั้น วัตถุประสงค์เดิม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถือศีลตามหลักคำสอนทางศาสนา แต่เพื่อรำลึกถึงวีรบุรุษที่ลุกขึ้นมาโค่นล้มราชวงศ์ชิง และกอบกู้ราชวงศ์หมิง เมี่อประมาณสองสามร้อยปีก่อน หลังจากที่ชาวแมนจูยึดครองราชวงศ์หมิง และสถาปนาราชวงศ์ชิง ชาวฮั่นซึ่งเป็นลูกหลานราชวงศ์หมิงยังมีใจคิดก่อการกบฏเพื่อฟื้นฟูอำนาจทางการเมืองของราชวงศ์หมิงให้กลับคืนมา แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะถูกทางการปราบปรามด้วยมาตรการอย่างเหี้ยมโหดเด็ดขาด
จึงมีผู้พลีชีพไปกับการในครั้งนั้นจำนวนไม่น้อย การกินเจจึงเป็นการรำลึกถึงวีรบุรุษเหล่านี้
เทศกาลกินเจในประเทศไทยเริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยได้นำเอาประเพณีนี้เข้ามาเผยแพร่ ในปัจจุบันเทศกาลกินเจในประเทศไทยเป็นเทศกาลที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีการจัดตั้งศาลเจ้าและโรงเจต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อประกอบพิธีกรรมและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลกินเจ โดยมีขั้นตอนการกินเจดังต่อไปนี้
1.งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงไข่ เครื่องใน โปรตีนจากสัตว์ และอาหารอื่น ๆ ที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ
2.งดผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ ต้นหอม หัวหอม กระเทียม กระเทียมโทน กุ้ยช่าย ใบยาสูบ ฯลฯ
3.งดอาหารรสจัด ทั้งเค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด
4.งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
5.ปฏิบัติธรรม เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม เป็นต้น
6.ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง ในสถานที่อย่างศาลเจ้า โรงเจ โรงทาน หรือสถานที่จัดงานถือศีลกินเจ
7.ถ้วยชามที่ใส่อาหารจะต้องไม่ปนกัน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือเบียดเบียนชีวิตใคร ต้องแต่งกายด้วยชุดขาว ห้ามพูดคำหยาบ โกหก ยุยง ส่อเสียด หรือพูดจาไม่เป็นสาระ การกินเจอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สำหรับเทศกาลกินเจในประเทศไทย โดยทั่วไปจะกินเจกันเป็นเวลา 9 วัน ในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจีน ในช่วงเทศกาลกินเจนี้ ชาวไทยเชื้อสายจีนจะงดการรับประทานเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม รวมทั้งผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หอม และกุยช่าย เชื่อว่าการกินเจเป็นการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และเป็นการขอพรจากเทพเจ้า ทั้งนี้ การเลือกกินเจนั้นขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละบุคคล หากใครต้องการกินเจเพื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ก็ควรศึกษาข้อมูลและวางแผนการกินให้เหมาะสมก่อน เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารครบถ้วนและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพนั่นเอง
นอกจากนั่นข้อดีของการกินเจก็จะมี ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอ้วน
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยให้จิตใจสงบช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
“เจ” ในภาษาจีนทางพระพุทธศาสนา หมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล 8” ของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่จะมีการรักษาอุโบสถศีล ไม่บริโภคอะไรหลังเที่ยงวันตามหลักศีล 8 ข้อ และไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต ช่วงหลังจึงเรียกคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ว่า “กินเจ” ไปด้วย แต่ถึงกระนั้นการกินเจไม่ใช่เพียงแต่งดเนื้อสัตว์ อาหาร และเครื่องปรุงที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ แต่ยังรวมถึงการรักษาศีล ประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ อีกด้วย
การกินเจมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเชื่อและมุมมองของแต่ละบุคคลว่าจะเชื่อในแบบไหน เชื่อเพราะเหตุผลอะไรเช่น
1.เหตุผลทางศาสนาและความเชื่อ ศาสนาบางศาสนา เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู และศาสนาเชน สอนให้ละเว้นการเบียดเบียนสัตว์ การกินเจจึงถือเป็นการปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา เป็นการลดกรรมจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
2.เหตุผลด้านสุขภาพ อาหารเจอุดมไปด้วยผักและผลไม้ ซึ่งเป็นแหล่งของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น
ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การกินเจจึงอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพในด้านต่าง ๆ เช่น
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอ้วน
3.เหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด การกินเจจึงมีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการตัดไม้ทำลายป่า ลดการใช้น้ำและพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
4.เหตุผลด้านแฟชั่น ในปัจจุบัน กระแสการกินเจกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนจึงเลือกกินเจตาม
เทรนด์แฟชั่น มองว่าเป็นการรับประทานอาหารที่ทันสมัยและใส่ใจสุขภาพ
ขอบคุณแหล่งที่มา
ประวัติน่ารู้ดเี่ยวกับเทศกาลกินเจ จาก
ประวัติ เทศกาลกินเจ งานถือศีลกินผัก ของลูกหลานชาวจีน ที่คนจีนไม่ได้กิน ? จาก https://travel.trueid.net/detail/OzAw2ngkN0a7
ประวัติน่ารู้ของ "เทศกาลกินเจ" ประจำปี 2566 มีความสำคัญอย่างไร? จาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/calendar/2211394
เทศกาลกินเจ 2566 เริ่มวันไหน ควรเตรียมตัวอย่างไร พร้อมประวัติความเป็นมา จาก https://www.sanook.com/health/1429/
สายชล แก้วบริสุทธิ์. (2556). เทศกาลกินเจหาดใหญ พื้นที่ประดอษฐ์เพื่อการท่องเท้ี่ยว. หลักสูตรปริญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาพัฒนามนุษย์และสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. https://kb.psu.ac.th/psukb/bitstream/2010/9448/1/374287.pdf
แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]