สืบเนื่องจากกรณีรื้ออาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ หรือรู้จักทั่วไปในชื่อ 'บ้านบอมเบย์ เบอมาร์' โบราณสถานซึ่งเป็นอาคารไม้สักอายุ 127 ปี ที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์และสื่อทุกแขนงตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนเป็นต้นมา ภาพรถแบคโฮที่จอดอยู่ข้างๆ ซากอิฐ ซากปูน และกองไม้ในบริเวณสวนรุกชาติเชตวันนั้น เป็นเป็นที่วิพากษ์วิจ่รณ์ สร้างความสะเทือนใจความเสียดายของคนจังหวัดแพร่และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งความตื่นตัวของผู้เกี่ยวข้องในองค์กร หน่วยงานรัฐทุกระดับ รวมทั้งภาคเอกชน และประชาชนผู้รักหวงแหนโบราณสถานในวงกว้างจนกลายเป็นกระสังคม
ในส่วนของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา รวมทั้งคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรมฯ ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้เชิญข้าราชการผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ พร้อมผู้แทนสมาคม องค์กรต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ให้ข้อมูล ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อกระตุ้นให้เห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์และร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคม 2563 คณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา นำโดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ พร้อมด้วยอนุกรรมาธิการ นายสมชาย เสียงหลาย นายประสาร มฤคพิทักษ์ รศ.ตรีศิลป์ บุญขจร นายสุทธิพงศ์ ชาญชยานนท์ และคณะที่ปรึกษา ฯลฯ ได้เดินทางไปจังหวัดแพร่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูโบราณสถานอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้ฯ รับทราบแนวทางการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม และประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการอนุรักษ์โบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์
ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมมาจากทุกภาคส่วนโดยพร้อมเพรียง อาทิ นายวรญาณ บุญาณราช รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายเอกชัย วงศ์วรกุล ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ (ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูโบราณสถานอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้ฯ) นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดแพร่ (เลขานุการคณะกรรมการฟื้นฟูฯ) นายสายกลาง จินดาสุ สำนักงานศิลปกรที่ 7 เชียงใหม่ นางสาวสิริกุล เลี้ยงอนันต์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดแพร่ นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ นายเสรี ทรงศักดิ์ รองนายก อบจ.แพร่ นายอิศเรศ สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) นายธีรวุธ กล่อมแล้ว ประธานภาคีเครือข่ายอนุรักษ์เมืองเก่าแพร่ (กรรมการฟื้นฟูฯ) และหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนเชตะวัน ฯลฯ ร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำลุ่มน้ำยม จังหวัดแพร่
นายอิศเรศ สิทธิโรจนกุล ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ได้รายงานถึงแนวทางการบูรณะพื้นฟูอาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ฯ ต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรมฯ ว่า จะต้องทำให้มีสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด และเป็นไปในรูปแบบของการบูรณาการร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคประชาสังคมในทุกขั้นตอน โดยกรมศิลปากรจะคอยเป็นที่ปรึกษา กำกับดูแลเรื่องการออกแบบอย่างใกล้ชิด ถอดแบบอาคารให้มีสภาพใกล้เคียงและนำของเดิมมาใช้ให้มากที่สุด อีกทั้งอาศัยข้อมูลเดิมจากหอจดหมายเหตุ ข้อมูลภาพถ่ายเดิมจากภาคประชาชน เมื่อออกแบบเสร็จแล้วจะทำประชาพิจารณ์ ให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเสนอความคิดเห็นต่อไป
"กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะเป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณ พร้อมสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ ในการบูรณะฟื้นฟูอาคาร โดยมีภาคีเครือข่ายภาคประชาชนร่วมทุกขั้นตอน" นายอิศเรศกล่าว และย้ำว่า "กรมอุทยานฯ โดยสำนักงานบริหารพื้นที่ 13 (แพร่) จะดำเนินการรับผิดชอบในการดูแลรักษาทรัพย์สินของอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้ฯ ทั้งหมด"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผอ.สำนักงานบริหารพื้นที่ฯ อธิบายแผนการทำงานบูรณะฟื้นฟูเป็นขั้นเป็นตอนอย่างเป็นระบบ พร้อมได้นำคณะอนุกรรมาธิการไปดูพื้นที่จริง ดูไม้ส่วนประกอบต่างๆ ของบ้านบอมเบร์เบอร์มาที่ถูกรื้อและยังใช้งานได้ซึ่งจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ
ทางด้านนายธีรวุธ กล่อมแล้ว ประธานภาคีเครือข่ายอนุรักษ์เมืองเก่าแพร่ กล่าวว่า สิ่งเกิดขึ้นไม่อยากให้เป็นเพียงกระแส แต่ต้องทำให้เป็นบทเรียน พร้อมเสนอแผนงานโครงการเพื่อพัฒนาสวนรุกขชาติให้สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองเก่าแพร่ และพัฒนาอาคารศูนย์การเรียนรู้การป่าไม้ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์
ขณที่นายวรญาณ บุญาณราช รองผูว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย กล่าวว่าจากกรณีนี้เราสามารถเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส คือทำให้ชาวแพร่ร่วมมือร่วมใจ 'รวมใจเป็นหนึ่งเดียว'
ผู้สื่อข่าวระบุอีกว่า จากการลงพื้นที่ของคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรมฯ พบว่า ประชาชนชาวแพร่ทุกภาคส่วน ตลอดจนเยาวชนคนรุ่นใหม่ มีความตื่นตัวอย่างมาก เห็นคุณค่าของโบราณสถาน หันมาสนใจบ้านเก่าหลายแห่งที่สมควรได้รับการดูแลอนุรักษ์ไว้ ล้วนมีประวัติความเป็นมาทั้งสิ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการที่เน้นย้ำว่า การขับเคลื่อนแนวรบด้านศิลปวัฒนธรรมจะสำเร็จได้ ต้องประกอบด้วย 3 ภาคส่วน 3 ประสาน หรือไตรภาคี นั่นคือ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]