โรค Covid-19 กับ ไข้หวัดธรรมดา (ต่างกันอย่างไร)

หมวดหมู่ เรื่องเด่น , โดย : admin , 29 เมษายน 63 / อ่าน : 1,376


ไวรัส Covid-19 กับ ไข้หวัดธรรมดา ต่างกันอย่างไร ซึ่ง โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือที่เรียกกันในชื่อของ ไวรัส Covid-19 นั้นนะครับ ถือว่าเป็นเชื้อโรคที่ถูกค้นพบใหม่ได้ไม่นาน ซึ่งตอนแรกๆ มีการเริ่มระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และภายในเวลาอันรวดเร็วก็ระบาดไปยังประเทศต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งที่ประเทศไทยของเรา โดยอาการของผู้ป่วยนั้นถือได้ว่ามีความใกล้เคียงกับไข้หวัดธรรมดา จึงส่งผลให้ คนมากมายซึ่งมีอาการเจ็บป่วย มีไข้ ไอ เจ็บคอ ก็จะมีความกังวล และสับสนไม่แน่ใจว่า ตัวเองกำลังเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือติดเชื้อไวรัส Covid-19 กันแน่
ดังนั้นมาดูกันว่าระหว่างไข้หวัดธรรมดา และไวรัส Covid-19 นั้นมีความแตกต่างกันยังไง โดยไข้หวัดธรรมดานั้นเกิดจากเชื้อไวรัสไรโนไวรัส ซึ่งจะทำให้มีอาการทางจมูก และก็พบบ่อยในเด็ก สำหรับไข้หวัดที่เกิดจากไวรัสโคโรน่านั้นจะมีความรุนแรงมากกว่า ซึ่งไวรัสโคโรน่าที่ติดต่อในมนุษย์นั้นมีอยู่ 6 สายพันธุ์ และสำหรับโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือที่เราเรียกว่า Covid-19 นั้น เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบคือ สายพันธุ์ที่ 7 โดยจะทำให้มีอาการปอดอักเสบรุนแรง โดยมีรายงานว่าโรคระบาดปอดอักเสบที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เกิดจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ Covid-19 นี่เอง
ตอนนี้เรามาดูอาการกันบ้าง ว่าระหว่างไข้หวัดธรรมดากับ อาการของโรค Covid-19 นั้นมีอาการแตกต่างกันอย่างไร
โดยเริ่มจากไข้หวัดธรรมดากันก่อนนะครับ คือ จะมีไข้ต่ำๆ มีน้ำมูกไหล มีไอ จาม และเจ็บคอ แต่สำหรับอาการของ Covid-19 หรือโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น จะมีอาการที่คล้ายๆ กันนะครับ ก็คือ มีไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ และไอ แต่ที่ไปกว่านั้นก็คือ มีเสมหะ ซึ่งบางทีเสมหะอาจจะมีเลือดติดมาเป็นสายเลยก็ได้ และหายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก มีการปวดเหมื่อยตามตัว บางรายอาจจะมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสียด้วย
ต่อไปเรามาดูความรุนแรงว่าแตกต่างกันยังไง สำหรับความรุนแรงของไข้หวัดธรรรมดานั้น มักจะไม่มีโรคแทรกซ้อนรุนแรง และอาการต่างๆ ก็ไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตประวันมากมากยอะไรนัก และอาการของไข้หวัดธรรมดานั้นจะอยู่ได้ไม่นาน ถ้ามีการดูแลร่างกายดีๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะค่อยๆ หายได้เองภายใน 3-4 วัน
แต่สำหรับความรุนแรงของโรค Covid-19 นั้น อาการที่รุนแรงที่สุดคือ อาการปอดอักเสบจนทำให้เสียชีวิตได้ โดยความรุนแรงของโรคก็มีความแตกต่างกันตามสภาพร่างกายความแข็งแรงของแต่ละคน โดยวัยรุ่นจะมีอาการน้อยกว่าผู้สูงอายุ และผู้ที่เสียชีวิตแล้วเกือบทั้งหมดจะเป็นผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับปอด หรือโรคหัวใจ
เอาล่ะครับ ต่อไปมาดูการรักษากันว่ามีความแตกต่างกันยังไง ผมขอเริ่มจากการรักษาไข้หวัดธรรมดาก่อนนะครับ คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และก็จะมีการใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ถ้ามีไข้ก็รับประทานยาลดไข้ มีไอก็รับประทานยาแก้ไอหรือบรรเทาอาการไอ ถ้ามีอาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูก ก็รับประทานยาลดน้ำมูก ก็จะทำให้หายเร็วขึ้นได้ด้วย ส่วนการรักษาโรค Covid-19 นั้นจะมีขึ้นตอนดังนี้ คือ ถ้าหากมีการตรวจพบว่าผู้ป่วยมีเชื้อไวรัส Covid-19 ก็จะมีการให้แยกห้องมารักษาที่มีความดันอากาศในห้องเป็นลบ โดยในโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็จะมีห้องแบบนี้อยู่แล้ว ต่อไปคือ ผู้ป่วยจะต้องสวมหน้ากากอนามัย โดยทางแพทย์ก็จะมีการให้ออกซิเจนหรืออาจจะใช้ท่อช่วยหายใจตามความจำเป็นสำหรับการรักษา เป็นต้น และถ้าเป็นผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ ห้ามเดินทางไปทำงานหรืออยู่ที่บ้าน แต่จะต้องไปเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทันที และสำหรับที่โรงพยาบาลก็จะต้องมีการกำจัดเชื้อไวรัสที่อยู่ภายในพื้นทีรวมไปถึงตามสถานที่โดยรอบที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสด้วย และทางแพทย์จะต้องมีการรายงานผลการตรวจสำหรับผู้ป่วยทุกรายที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัส Covid-19 ให้กับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดด้วย
เมื่อรู้วิธีการรักษาแล้ว ก็มาดูการป้องกันโรค Covid-19 บ้างดีกว่านะครับ ซึ่งการป้องกันไข้หวัดธรรมดาก็จะไม่ต่างกันครับ เพราะว่าเกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนกัน และไวรัสก็จะแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ โดยจากการไอ หรือ จาก หรือ เมื่อมีการสัมผัสสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย และการป้องกันก็คือ ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องเดินทางออกไปนอกบ้าง สาเหตุก็เพราะว่า การสวมหน้ากากอนามัยนั้นจะป้องกันสารคัดหลั่งจากน้ำมูก น้ำลาย และเท่านี้ยังไม่พอ เพราะยังช่วยป้องกันไม่ให้เราเอามือเข้าปากโดยไม่รู้ตัวได้อีกด้วย นอกจากเรื่องของหน้ากากอนามัยแล้ว วิธีป้องกันไวรัส Covid-19 ที่ได้ผลดีก็คือ คุณควรหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โดยการใช้แอลกอฮอล์ หรือ เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ โดยควรมีปริมาณของแอลกอฮอล์คือ 70-75% ขึ้นไปนะครับ แต่ถ้าไม่มีก็สามารถใช้สบู่ธรรมดานี่แหละใช้ล้างมือเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสได้เหมือนกันครับ , สำหรับเรื่องการล้างมือก็ผ่านไปแล้ว ต่อไปก็คือ คุณควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่ที่มีสภาพที่แออัด และไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม และไม่ควรนำมือไปสัมผัสกับอวัยวะต่างๆ เช่น ตา จมูก ปาก และนอกจากนี้แล้วก็ไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าเช็ดหน้า หรือแก้วน้ำ เป็นต้น สำหรับเรื่องอาหารการกินก็ควรกินอาการที่ปรุงสุกใหม่ๆ เพราะว่า ไวรัส Covid-19 นั้นจะตายอย่างรวดเร็วเมื่อถูกความร้อน คือประมาณ 70องศา เพียง 5 นาที ก็ตายแล้ว
ต่อไป ถ้าหากคุณมีอาการไข้ หรือมีการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือมีการหายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ให้คุณรีบไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะถ้าหากคุณเพิ่งเดินทางจากต่างประเทศที่มีการระบาดของไวรัส Covid-19 หลังจากเดินทางมา คุณควรรีบไปพบแพทย์ พร้อมกับแจ้งประวัติการเดินทาง ให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทราบ เพราะถ้าหากมีอาการติดเชื้อ และถ้ามีภาวะแทรกซ้อนที่มีอาการรุนแรง อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้



ปฏิทินกิจกรรม























แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)

128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza,  16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand

โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]