ความรุนแรงเกิดขึ้นได้กับทุกชีวิต แม้แต่ "เจ้าแมวเหมียว"
ลองอ่านบทความเรื่อง "สมสี" ไปด้วยกัน
จากประชาคม ลุนาชัย ในประเด็น "ความรุนแรง"
แมวน้อยน่ารักอายุเพียงไม่กี่วันขดตัวนิ่งในอ้อมแขนของพนักงานมินิมาร์ทแรกผมได้แต่ตวัดสายตาผ่าน ไม่ได้ถามปุ๊กกี้สาวประเภทสองถึงที่มาของมัน จนกระทั่งอีกสองสามวันถัดมา ได้ยินเสียงร้องใกล้ปลายเท้าขณะผมเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นจะหยิบขวดน้ำ แมวตัวผอม ๆ ซุกตัวอยู่ระหว่างซอกตาสีน้ำตาลที่แสนว้าเหว่ของมันจ้องหน้าผมนิ่ง
“สมสี” ปุ๊กกี้บอกชื่อแมวที่เธอตั้งให้ เธอพบมันที่ข้างถังขยะริมถนนในซอย ตัดสินใจเก็บมาเลี้ยงด้วยความสงสาร
ผมคิดไม่ถึงว่าปุ๊กกี้จะเข้าใจเล่นคำ แมวสามสีหรือที่เรียกกันว่าสีสวาท ขาว น้ำตาลอมส้ม และเทา ผสมผสานกันกลายเป็นชื่อแมวกำพร้า
เด็กหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้นสูงเพรียว ไว้ผมยาว ตาโต พักอยู่อาคารคนละหลังกับผม เป็นห้องซึ่งเจ้าของเช่าไว้เป็นสวัสดิการ เธอเริ่มงานสิบโมงเช้า ช่วงใกล้ค่ำได้พักสองชั่วโมง ก่อนมาเข้าเวรอีกรอบแล้วอยู่ยาวไปเกือบเที่ยงคืน
ทุกครั้งที่เข้าไปซื้อของในร้าน หากเจ้าสมสีไม่อยู่ในอ้อมแขนของปุ๊กกี้ ผมก็เห็นมันนอนขดตัวอยู่ข้างฐานตู้แช่ อาหารเม็ดสีแดงกล่ำวางอยู่บนจานเล็ก ๆ หลังมินิมาร์ทปิดลง ตลอดคืนยาวนาน ลูกแมวตัวผอมกลายเป็นเจ้าของอาณาจักรเล็ก ๆ นี้เพียงลำพังปุ๊กกี้บอกว่ามันเป็นแมวที่สะอาด ว่านอนสอนง่าย จริง ๆ แล้วเธออยากเอามันไปเลี้ยงที่ห้องพัก ทว่าข้อห้ามของคอนโดฯไม่อาจทำเช่นนั้น
ผมไม่เคยอุ้มเจ้าสมสี ได้แต่หยอกล้อด้วยการตบหัว เกาคาง แหย่นิ้วจิ้มท้อง ใช้มือคีบมันยกขึ้นแล้วแกล้งวางลง นอกจากปุ๊กกี้แล้ว ผมเป็นอีกคนที่มันคุ้นเคยจำกลิ่นได้
ผ่านไปสามเดือนเจ้าสมสีโตขึ้นผิดตา ทุกครั้งที่ผมหยอกล้อมันจะนอนหงายกลิ้งตัวไปมา เงยหน้าและช้อนสายตาขึ้นมอง พร้อมส่งเสียงร้องเบา ๆ เหมือนทักทายเพื่อนคุ้นเคย
เพราะมันโตแล้ว อาณาจักรเล็ก ๆ ของมินิมาร์ทคับแคบเกินไป เจ๊ยุ้ยผู้เป็นเจ้าของออกคำสั่งเด็ดขาด ห้ามสมสีนอนค้างในร้าน ตกค่ำปล่อยมันไปใช้ชีวิตข้างนอก เพราะขืนขังไว้ข้างในไม่แน่นักว่าเจ้าสมสีจะทำร้านค้าสกปรกและถ่ายของเสียให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แม้ปุ๊กกี้จะยืนยันว่ามันเป็นแมวสะอาด และมีวินัยในการขับถ่ายยิ่งกว่าคนเสียอีกก็ตาม
“ไม่เอา” เจ๊ยุ้ยเสียงแข็ง “ถ้าอยากเลี้ยงก็เลี้ยงแค่กลางวัน ร้านปิดแล้วปล่อยมันออกไปข้างนอก แมวมันเอาตัวรอดได้หรอก”
เพราะวงจรชีวิตสั้นกว่ามนุษย์หลายเท่า แมวตัวเมียจึงโตเป็นสาวได้เร็ว อ้อมแขนของคนเคยอุ้มก็เปลี่ยนไป เด็กหนุ่มซึ่งเพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ชนบทผิวขาวขึ้น ผมยาวของเธอเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ตากลมโตเป็นประกายด้วยความฝัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เช้าวันหนึ่งผมจะเห็นเธอสวมกระโปรงยาว ผัดหน้าทาปาก ยามที่ผมจ้องด้วยสายตากระเซ้า พวงแก้มของเธอแดงซ่าน
เช่นเดียวกับเจ้าสมสี ตัวอวบขึ้นกว่าเดิม ผมไม่กล้าใช้นิ้วจิ้มท้องมันอย่างที่เธอทำ ได้แต่ลูบหัว และตบหลังเบา ๆ
เช้าวันที่ปุ๊กกี้ลาหยุดงาน เป็นเจ๊ยุ้ยที่หว่านอาหารเม็ดลงบนพื้นกระเบื้อง แกบ่นพึมพำ ไอ้แมวบ้านี่ท้องเร็ว เดี๋ยวก็ออกมาลูกมาเป็นโหล ไอ้ปุ๊กจะเลี้ยงไหวรื้อ ปุ๊กกี้หยุดงานไปสามวัน กลับมานั่งหลังเคาน์เตอร์เก็บเงินพร้อมใบหน้าซีดเซียว อกที่เคยแบนราบของเธอนูนขึ้นทั้งสองข้าง นี่คือความฝันแรกของเด็กหนุ่มบ้านนาที่อยากโตขึ้นเป็นสาว อดทนทำงานเก็บเงิน ครั้นหาได้ไม่พอก็ขอกู้หรือเบิกล่วงหน้าจากเจ๊ยุ้ย
หลังวันที่เจ้าสมสีคลอดลูกน้อยออกมาสี่ตัว สาวสวยอกโตสวมเสื้อคอลึกอวดเนินถันข่าวผ่องมีภาระเพิ่มขึ้น ทั้งขายของและเลี้ยงแมวหลายตัว เจ้าสมสีดูผอมลง ขณะนอนให้นมลูก ผมแวะเข้าไปลูบหัวมัน พร้อมสังเกตเชือกฟางบนคอของแมวน้อยทั้งสี่สองตัวแรกสามสีคล้ายแม่ ตัวที่สามสีน้ำตาล อีกตัวขาวปลอด
“มีคนมาจองไว้แล้ว” ปุ๊กกี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมพอได้กลิ่นน้ำหอม
“ดีแล้ว” เจ๊ยุ้ยซึ่งกำลังนั่งตรวจบัญชีพูดขึ้น “ไม่งั้นมึงก็ต้องซื้ออาหารเลี้ยงพวกมัน เงินที่พยายามเก็บออมไปทำอย่างอื่นอีกกี่ปีถึงจะพอ” ไม่รอให้ลูกทั้งสี่ของเจ้าสมสีหย่านม เช้าที่ประตูมินิมาร์ทเปิดออก เจ้าสมสีกลับจากการท่องราตรี ปรี่ไปยังที่นอนของลูก ๆ ครั้นพบเพียงความว่างเปล่า มันพยายามส่งเสียงร้องดังขึ้น วิ่งวนไปมาทั้งข้างตู้แช่และทางหลังร้าน ครั้นพบว่าประตูโกดังเก็บของซึ่งเป็นห้องคลอดลูกของมันปิดสนิทเจ้าสมสีใช้สองเท้าหน้าตระกุยอย่างแรง
ปุ๊กกี้เหมือนเข้าใจความรู้สึกของแมวที่เธอเลี้ยง นอกจากยืนมองเงียบ ๆ แล้ว เธอไม่อาจช่วยอะไรได้ เธอเองก็อยากให้มีคนรับลูกแมวไปเลี้ยง เพื่อภาระของเธอจะได้น้อยลง ทว่าในความรู้สึกขณะจ้องมองอากัปกิริยาของแม่แมวที่ถูกพรากลูก เธอได้แต่กะพริบตาถี่ ๆ ถอนหายใจแล้วก้มหน้านิ่งอยู่เป็นนาน
ปุ๊กกี้สวมเสื้อคอลึกอวดเนินถันแทบทุกวัน ราวกับภาคภูมิใจยิ่งกับสรีระส่วนนี้ ซึ่งกว่าจะได้มาก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงินหลายปี ป้ายิ้มพี่สาวเจ๊ยุ้ยเอ่ยชมไม่ขาดปาก นมมึงขาวเต่งตูมดีนะอีปุ๊ก...น่าบีบ
ยิ้มกระจ่างผุดขึ้นในสีหน้า ทุกครั้งที่มีคนเรียกเธอด้วยสรรพนามของสตรี ปุ๊กกี้เป็นได้ยิ้มเบิกบาน ในฝันที่ไม่เคยเลือนจางจากใจ เธออยากมีอยากเป็นเหมือนผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้า
ป้ายิ้มถาม “ตั้งหกหมื่นเชียวหรืออีปุ๊ก นมมึงน่ะ ทำไมแพงจัง ทำงานกี่ปีนี่กว่าจะเก็บเงินได้”
ปุ๊กกี้เอาแต่ยิ้ม พึงใจกับสรรพนามที่ป้ายิ้มเรียก
“เลือกทำข้างบนก่อนแย่เลยมึง” ป้ายิ้มว่าต่อ “ข้างบนมันใช้หาเงินได้ที่ไหนเล่า ลำบากตายเลยมึง ถ้าทำข้างล่างก่อน มึงยังใช้หาเงินเป็นทุนไปทำข้างบนได้ไม่ยาก”
ทุกครั้งที่ป้ายิ้มเดินเข้ามาในร้าน แกจะหาเรื่องกระเซ้า จับจ้องหน้าอกหน้าใจที่ทะลักล้นเสื้อคอลึกของปุ๊กกี้บ่อยเข้าแกก็ผงกหัวหงึก ๆ
“กูเข้าใจผิดไปอีปุ๊ก” ป้ายิ้มเสียดสายตาผ่านร่องอกของอีกฝ่าย “ที่มึงทำนมมานั่นถูกแล้ว ขืนไปทำข้างล่างก่อน ต่อให้หมอทำให้สวยแค่ไหน มันก็โชว์ใครไม่ถนัดนักหรอก”
สมสีไม่ได้รอให้มินิมาร์ทปิดลงจนไฟดับมืด มันไม่จำเป็นจะต้องกล่าวคำลากับปุ๊กกี้ วันวัยที่ล่วงพ้นไปพร้อมประสบการณ์ชีวิต มันเรียนรู้ถึงความเป็นปัจเจกชนที่ไร้พันธะ ทันทีที่รัตติกาลหว่านร่างแหสีดำโอบคลุมเมืองทั้งเมือง ฝันของแมวสาวก็โบยบินไปพร้อมจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพ
บทเพลงราตรีทอดท่วงทำนองยาวนาน แมวสาวช่างฝันกลายร่างเป็นเหมือนเงือกน้อยที่ตามหาเจ้าชายในมหาสมุทรกว้างใหญ่ บางค่ำคืนมันอาจกลายร่างเป็นเทพธิดาแสนสวย ร่ำเพลงรักกับเทพบุตรรูปงามในมหาอาณาจักรแห่งอิสรภาพ จนกระทั่งฟ้าใกล้สาง สมสีคืนร่างเดิมซมซานมาหมอบพับรอเจ้าของตรงหน้าประตูมินิมาร์ทมอมแมมไปตลอดทั้งตัว แถมยังบาดเจ็บด้วยรอยเล็บข่วนตรงกลางหลัง
บ่ายวันที่ปุ๊กกี้แต้มยาใส่แผลให้เจ้าสมสี ผมแวะลงมาซื้อน้ำดื่ม แมวหมอบพับนอนนิ่ง สาวสวยประเภทสองเยียวยามันด้วยมือที่แผ่วเบา สายตาช่างสังเกตของเธอมองสำรวจความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ไม่ใช่แผลบนหลัง หากเป็นสีข้างที่อิ่มเต็ม
“มันท้องอีกแล้วมั้งพี่” เธอว่า
ผมแนะนำด้วยเสียงจริงจัง “ไม่อยากให้มันท้องบ่อย ปุ๊กกี้ก็เอาไปทำหมันสิ คลินิกสัตว์อยู่ซอยถัดไปนี่เอง”
เธอรับคำเสนอแนะด้วยการพยักหน้า ไม่ได้ลงมือปฏิบัติตามแต่อย่างใด ลูกแมวรุ่นใหม่คลอดออกมาห้าตัว เหลือรอดจากการถูกจองเพราะความขี้ริ้วถึงสามตัว ปุ๊กกี้ต้องเจียดเงินเดือนของเธอซื้ออาหารมาเลี้ยง ถึงกระนั้นแม่แมวที่ถูกพรากลูกจากไปอีกหนก็เหมือนแผลใจเดิมหวนกลับมา มันกลายเป็นแมวที่ค่อนข้างดุร้าย ลูกค้าแปลกหน้าเดินเฉียดใกล้มันจะส่งเสียงขู่ เงื้ออุ้งเล็บพร้อมตระปบ
ลูกค้าจากอาคารสองซึ่งอุ้มหมาพุดเดิ้ลเข้าไปซื้อของประเดิมตกเป็นเหยื่อความเกรี้ยวกราด อุ้งเล็บแหลมคมของสมสีฝากรอยไว้บนโคนขาหลังของหมาน้อยแสนงาม วันรุ่งขึ้น ปุ๊กกี้เขียนป้ายติดประกาศไว้หน้าร้าน
“ระวังแมวดุ ห้ามนำสุนัขเข้ามาในร้าน”
แม้ตกลูกไปสองรุ่นแต่สมสียังเปี่ยมด้วยไฟรักแห่งวัยสาว เทพบุตรหนุ่มรูปงามของมันอาจรออยู่ที่จุดนัดหมาย แฝงตัวอยู่ในความมืดใต้เงาไม้ เพรียกร้องด้วยเสียงหง่าวทุ้มเปี่ยมเสน่ห์และพลังแห่งวัยหนุ่ม ใต้มนต์แสงจันทร์ที่ความรักดำเนินบทเพลง ดงหญ้าที่เอนยอดพลิ้วไหวกลายเป็นลานรัก
มันยังเป็นแมวที่แสนเศร้า ช่วงกลางวันที่มันหมอบพับอยู่ในร้าน ดวงตาว้าเหว่ทอดนิ่งราวกลับบอดลงด้วยนิทานสะเทือนใจ หากได้ยินเสียงฝีเท้าขยับเข้าหา มันจะกางอุ้งเล็บเตรียมพร้อมด้วยความหวาดระแวง มันจำกลิ่นของปุ๊กกี้กับผมได้ดี อุ้งเล็บของมันเหมือนจะยกเว้นให้เพียงสองคน ทันทีที่เท้าเปลือยของเจ๊ยุ้ยเหยียบลงไปบนปลายหาง สมสีเอี้ยวตวัดอุ้งเล็บข่วนจิกด้วยความแรง
“ไอ้แมวนรก...ไอ้แมวบ้า...”
เจ๊ยุ้ยสวมกางเกงขาสั้น แกจึงไร้กำแพงป้องกันอุ้งเล็บที่ทั้งแหลมและคม ผิวเนื้อใต้เข่าของแกถูกข่วนเป็นทางยาว แม้ปากแผลตามรอยเล็บไม่ถึงกับลึกแต่เลือดก็ไหลอาบ นอกจากร้องด่าเสียงดังแล้ว แกยังเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด สืบเท้าเข้าหาจะตามไปกระทืบเอาคืนแมว ทว่าสมสีเผ่นห่างออกไปไกลหลายช่วงแขน
เจ๊ยุ้ยหันมาเล่นงานเจ้าของแมวที่นั่งหน้าตื่นอยู่หลังเคาน์เตอร์เก็บเงิน “เลี้ยงไม่ได้แล้ว ต้องเอาไปปล่อยทิ้ง แมวดุแบบนี้เลี้ยงไม่ได้”
เจ๊ยุ้ยให้หมอที่คลินิกทำแผลเสร็จแล้ว แกเจ็บตัวซ้ำอีกกับเข็มฉีดวัคซีนโรคกลัวน้ำ แกพร่ำบ่นไม่ขาดปากขณะขึงตามองเจ้าสมสีด้วยสายตาชิงชัง
บ่ายที่ผมลงจากห้องพักเดินเข้าไปซื้อของ แกนั่งหน้าบึ้งอยู่หลังเคาน์เตอร์เก็บเงินตามลำพัง เจ้าสมสีนอนหมอบพับอยู่ข้างซอกตู้เย็น
ยังไม่ได้หยิบข้าวของที่ตั้งใจซื้อ เจ๊ยุ้ยเดินมาสะกิดไหล่ “นี่คุณ ช่วยจับอีสมสีให้หน่อยได้ไหม ฉันจะจ้างเด็กขี่มอเตอร์ไซค์เอามันไปทำหมัน”
ปุ๊กกี้พักงานช่วงบ่าย ไม่งั้นผมคงไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับแมวของคนอื่น เรื่องทำหมันเป็นผมเองที่ให้คำแนะนำไป ผมเดินเข้าหาสมสีขณะที่มันหมอบจ้องเจ๊ยุ้ยด้วยสายตาหวาดระแวง ดีดมือทักทาย หยุดเท้าแล้วคู้เข่าลง ยื่นมือลูบหลัง ช้อนแขนแล้วรั้งร่างของมันเข้าหา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมแนบชิดและอุ้มเจ้าสมสีอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ตัวมันอุ่นด้วยเลือดเนื้อ ตาสีน้ำตาลยังแฝงเศร้าและว้าเหว่ มันช้อนสายตาขึ้นจ้องผมขณะนอนสงบอยู่ในอ้อมแขน
เด็กหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าคอนโดฯมายืนรออยู่แล้วพร้อมถุงดำซ้อนกันสี่ใบ แน่นหนาพอให้ความมั่นใจได้ว่าแมวจะไม่หลุดรอดเผ่นหนีไป เขาอ้าปากถุงออกกว้าง ผมยังไม่ส่งแมวให้เขาไปในทันที
“เอาใส่ถุงแบบนี้มันหายใจไม่ออก” ผมท้วง
เจ๊ยุ้ยแย้งขึ้นทันควัน “เขาเจาะถุงไว้แล้ว คลินิกอยู่ใกล้แค่นี้เอง ไอ้แมวบ้านี่ มันไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
ปุ๊กกี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมวของเธอ ตอนเช้ายังเตรียมอาหารรอสมสีกลับมา ผ่านไปสามวัน ผมเองก็เพิ่งรู้ความจริงว่าคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ได้รับคำสั่งให้พาแมวไปหาหมอ หากนำไปปล่อยทิ้งยังที่ห่างไกล
ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน ลูกค้าคนหนึ่งของร้านอุ้มสมสีกลับมาส่งคืนปุ๊กกี้
“ฉันเห็นแมวนอนป่วยอยู่ข้างป้ายรถเมล์ น่าสงสาร พอจำได้ว่าเป็นแมวที่นี่เลยเอากลับมาให้ มันคงเที่ยวไกลเลยกลับบ้านไม่ถูก”
แมวท้องแก่ที่ทั้งเจ็บป่วยและอ่อนล้านอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนผู้เป็นเจ้าของ สายตาแสนเศร้าสองคู่ประสานกันนิ่ง ห่างออกไปไม่ไกล เจ๊ยุ้ยยืนกำหมัดกัดฟัน ขยับเท้ากระทืบพื้นกระเบื้อง
แมวท้องแก่และเจ็บป่วยคืนรังก่อนปิดร้านปุ๊กกี้พามันไปนอนที่ห้องเก็บของรอวันคลอด เจ๊ยุ้ยปิดปากเงียบ ไม่ปริปากห้ามหรือพร่ำบ่น เกรงลูกน้องจะรู้ความจริงที่แกจ้างวานให้คนเอาแมวไปปล่อย ปุ๊กกี้อยู่กับแกมาห้าปีกว่า เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์และขยันการงาน อะไรที่เป็นการหักหาญน้ำใจตรง ๆ แกควรหลีกเลี่ยง
ปุ๊กกี้พยาบาลสมสีด้วยความรักและอาหารที่เธอสามารถหาซื้อได้ แม้ตัวมันค่อนข้างหนักแต่เธอก็อุ้มมาวางบนตัก ไล้มือไปบนแผ่นหลัง เจ้าสมสีหลับตาพริ้มลง ป้ายิ้มซึ่งแวะมาพบเข้าก็ชวนคุย ไอ้สมสีท้องอีกแล้วนี่ ออกลูกไปกี่รุ่นแล้ว มึงจำได้ไหมอีปุ๊ก
สาวสวยอกโตส่ายหน้าเพราะคร้านจะตอบคำถามแบบไม่จริงจังของอีกฝ่าย ถ้อยคำที่ผ่านริมฝีปากแดงๆ ออกมาจึงเป็นเหมือนถ้อยรำพึง แมวทำไมท้องง่ายจัง
ป้ายิ้มหัวเราะเบา ๆ แกว่า “คนก็เหมือนกันนั่นแหละ เอากันบ่อยยิ่งกว่าแมวเสียอีก ถ้าไม่มียาคุมหรือไปทำหมัน คนก็ท้องกันได้ทุกปี”
ปุ๊กกี้จ้องดูท้องแมว “รอให้มันคลอดก่อน หนูจะเอามันไปทำหมัน”
ป้ายิ้มผงกหัว “ดีแล้ว”
“หนูอยากไปเช่าบ้านอยู่เองด้วย เลือกหอพักที่เขาไม่ห้ามเลี้ยงแมว”
“หมดหนี้หรือยังละ หอพักโทรม ๆ ก็เดือนละสองสามพัน ไหนมึงจะเก็บตังค์ไปแปลงเพศอีก”
เหตุผลและถ้อยคำของป้ายิ้มทำเอาปุ๊กกี้หน้าหน้าสลด และยิ่งเจื่อนเกือบจะซีดเซียวกับคำพูดกลั้วเสียงหัวเราะของป้ายิ้ม
“กะเทยไม่เหมือนแมวหรอก ถึงมึงจะแปลงเพศเป็นผู้หญิงแล้วต่อให้มีผัวกี่คน มึงก็ไม่มีลูก”
ช่วงป่ายที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ผมลุกขึ้นไปเปิดรับเพราะเข้าใจว่าเป็นแม่บ้านเอาจดหมายมาส่ง ทันทีที่เห็นหน้าเข้มๆ ของเด็กหนุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผมขมวดคิ้วพร้อมส่งคำถามทางสายตา น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจและท่าทีนอบน้อมของเด็กหนุ่มทำให้ผมคลายความหงุดหงิดไปบ้าง
“เจ๊ยุ้ยให้ผมมาเรียกพี่ไปช่วยจับแมว มันอาละวาดใหญ่แล้ว ข้าวของในร้านเละไปหมด”
ผมยิ้มที่มุมปากพร้อมกับส่ายหน้า “ไม่ว่างหรอก”
“แค่จับแมว ไม่กี่นาทีเองพี่”
“กี่นาทีก็ไม่ว่าง”
ผมปิดประตูห้อง ยืนยันถึงความประสงค์ว่างานนี้ผมไม่ว่าง และไม่ว่างเลยตลอดชีวิต
สมสีคลอดแล้ว ลูกน้อยสามตัวหย่านมเพียงไม่กี่วันก็ถูกพรากจากไป สงครามระหว่างมันกับเจ๊ยุ้ยเหมือนเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง ขณะบทเพลงราตรีแรกของปัจเจกชนยังไม่เริ่มต้น ผมไม่ควรเอาตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสงคราม ต่อให้สมรภูมินองเลือดแดงฉานอยู่เบื้องหน้า ผมก็จะยืนมองห่าง ๆ
มือที่ลูบหัว จิ้มท้อง เกาคาง และแบ่งปลาที่กินเหลือเจือจานออกไป ไม่ควรเป็นมือที่อุ้มมันส่งให้กับศัตรู
ผมไม่มีสมาธิจะทำงานต่อ ความเป็นห่วง บวกความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และจบลงอย่างไร ผมเปิดประตูห้อง ปรี่ลงลิฟต์แล้วสืบเท้าเดินไปยังมินิมาร์ท
สงครามสิ้นสุดลงแล้ว ท่ามกลางซากปรักพังของชั้นวางของ ช่องทางเดินเกลื่อนไปด้วยเศษแก้ว ซองบะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง ผงซักฟอก ยาสีฟัน ถั่วอบ มันฝรั่ง สภาพเหมือนร้านทั้งร้านถูกหน่วยจู่โจมบุกเข้ารื้อค้น
เจ๊ยุ้ยจากไปแล้ว เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ในร้านเหลือเพียงปุ๊กกี้ที่ถูกเรียกตัวมาจัดระเบียบข้าวของ
เธอค่อย ๆ แยกสินค้าในส่วนที่เสียหายและยังสภาพดี ระมัดระวังเศษแก้วบาดมือและเท้า วางบางส่วนคืนไว้บนชั้น อีกส่วนหย่อนลงตะกร้าและถุงดำ
ประหนึ่งบทเพลงอันไร้สำเนียงทอดท่วงเอื่อยช้า เงียบงัน และวังเวง ทันทีที่มือสัมผัสซองผ้าอนามัยเปื้อนเลือดเธอหยุดชะงัก ตากลมโตของกวาดมองไปรอบๆ วกกลับมาหยุดนิ่งกับหย่อมเลือดบนพื้นซึ่งเลอะเปื้อนอยู่ห่างกายเธอไปเพียงไม่กี่นิ้ว
ค้อนตอกตะปูเปื้อนทั้งเลือดและมันสมองแมวถูกวางทิ้งไว้บนพื้น ปุ๊กกี้มองเห็นแล้ว เธอรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ซองผ้าอนามัยหลุดจากมือ หน้าก้มงุดของเธอลอยอยู่เหนือหย่อมเลือดสีแดงที่ดูเหมือนยังฉ่ำด้วยชีวิตและความเจ็บปวด
ในความเงียบแสนอ้างว้าง น้ำตาของเธอหยดลงซ้ำๆ หล่นกระทบหย่อมเลือดอันแดงข้นบนพื้นกระเบื้อง สีเลือดผสมน้ำตาค่อยๆ จางลง กระเพื่อมไหลแยกเป็นทางสองสามสายเคลื่อนลงสู่ที่ต่ำ
เธอนั่งอยู่ที่เดิม เงียบเชียบไร้เสียงสะอื้นและนิ่งงัน ปล่อยน้ำตาร่วงเติมลงในธารโลหิต
ติดตามเรื่องราวดีๆ อัพเดท สื่อเป็นโรงเรียนของสังคม ที่แฟนเพจ สื่อเป็นโรงเรียนของสังคม ที่นี่
โครงการสื่อเป็นโรงเรียนของสังคม (Media As Social School)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-298-0987-8 โทรสาร : 02-298-0989
อีเมล : [email protected]