กลุ่มชาติพันธุ์ นั้นสามารถแยกออกได้หลายกลุ่ม ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งจากอดีตมาจนกระทั้งปัจจุบัน
กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มที่เข้ามาเนื่องจากเกิดการสู้รบกันขึ้นในรัฐฉานประเทศพม่า คนกลุ่มนี้มีเข้ามาหลายกลุ่มทั้ง กระเหรี่ยง ม้ง เย้า ปาเกอญอ พม่า และไทยใหญ่ คนกลุ่มแรกนี้หากนับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจนกระทั้งวันนี้ ก็คาดว่าเกิดกว่า 4-50 ปี เป็นอย่างน้อย เพราะหลายคนหลายครอบครัวได้รับสัญชาติไทยไปแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย อันเนื่องมาจาก การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในการออกสำรวจของทางเจ้าหน้าที่ทางการไทย ขอเพียงให้ได้อยู่อาศัยในประเทศไทยโดยไม่ถูกส่งตัวกลับก็พอแล้ว นั่นคือความคิดบางส่วนของ ชนชาติพันธุ์ที่หลบหนีเข้ามาอาศัยในประเทศไทย
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้ค้าแรงงาน คนกลุ่มนี้จะเข้ามาเพื่อหางานทำมีประเทศ มีบัตรประจำตัวประชาชนจากประเทศต้นทางที่ตนเข้ามา เช่นในประเทศพม่า คนกลุ่มนี้จะมีอย่างหลากหลายชาติพันธุ์ที่เข้ามาเพื่อหางานทำ เพราะในการทำมาหากินในประเทศพม่านั้นยากลำบากเพราะไม่มีความสงบเท่าที่ควร แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่คนที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายแต่ประการใด
กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่แอบหลบหนีเข้าเมือง ที่มีคนคอยให้การช่วยเหลือในการขนเข้ามา ที่เราเรียกว่า(กลุ่มค้ามนุษย์) คนกลุ่มนี้ หลายคนมีประเทศต้นทางคือเป็นคนพม่าแท้ แต่หลายคนก็ไม่มีประเทศต้นทาง เพราะเป็นคนในรัฐฉาน ทางการพม่าที่ยังทำศึกสงครามจึงไม่สนใจ และก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปขอสัญชาติได้ และบางส่วนแม้มีโอกาสก็ไม่ต้องการขอ เพราะไม่ต้องการเป็นคนพม่า หรือเป็นคนที่มีสัญชาติพม่า เพราะเขาถือว่า เขาคือคนไตย หรือไทยใหญ่ ที่เคยมีประเทศของตนเอง แต่ถูกอังกฤษกับพม่าเข้ามาหลอกทำสัญญาปางโหลง แก่บรรดาเจ้าฟ้าของไทยใหญ่ แล้วผิดล้อมฆ่าทิ้งทั้งหมดเพื่อ ฉีกสัญญา ปางโหลงทิ้ง เพื่อที่จะทำการยึดครองรัฐฉานอย่างถาวรต่อไป แต่ในรัฐฉานนั้นไม่ได้มีชนชาติไทยใหญ่เพียงชนชาติเดียวที่มีแผ่นดินเป็นของตนเอง ยังมี ฉิน คะฉิ่น ยะไข่ มอญ กระเกรี่ยง ที่มีรัฐและอาณาจักรเป็นของตนเอง และในอาณาจักรต่างๆเหล่านั้นก็ยังมี กลุ่มชนชาติที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่อีกหลานชนผ่าเช่น ว้า ตะอั้ง โรฮิงญา ฯลฯ ที่อาศัยอยู่ใน ราชอาณาจักรแห่งนี้
ดังนั้นเมื่อสัญญาปางโหลงถูกฉีก และทางการพม่าก็พยายามจัดกองกำลังออกเข่นฆ่าข่มขู่ชนชาติต่างให้ยอมสิโรราบ การสู้รบและกองกำลังติดอาวุธจึงเกิดขึ้นหลายกลุ่ม เพื่อต่อสู้ ผู้รุกราน ทั้งกองกำลังกู้ชาติ ไทยใหญ่ ที่แยกออกเป็นสามกลุ่มคือ ไทยเหนือ SSPP/SSA กลุ่มไตยใต้คือกลุ่ม เจ้ายอดศึก ที่ตั้งกองกำลังกอบกู้รัฐฉานภายใต้ชื่อ กองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ RCSS/SSA และมีกลุ่มไตยหรือไทยใหญ่ กลุ่มปกครองเมืองลาร่วมกับกลุ่มว้า เมืองปางซาง และกลุ่มไตยที่เข้าด้วยกับพม่า นอกจากนี้ก็มีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของ โกกั้ง ว้า ปะหล่อง หรือตะอั้ง กลุ่ม โรฮิงญา กำลุ่มกองกำลัง กระเหรี่ยง กลุ่มกองกำลัง มอญ ที่พยายามต่อสู้กับพม่า เพื่อเรียกร้องหาสันติภาพ และทวงสัญญาปางโหลงที่ตกลงกันว่า จะอยู่กับพม่าช่วยรบจีนที่เข้ามารุกราน 10 ปีจะคืนแผ่นดินให้ แต่ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ถูกพม่าหักหลัง ดังที่กล่าวมาแล้ว จึงทำให้เกิดการสู้รบกันมาอย่างยาวนานกว่า 6-70 ปี จนถึงขณะนี้
เมื่อประเทศชาติไม่มีความสงบ ประชาชนถึงพากันหลบลี้หนีภัยเข้ามากระจายอาศัยตามประเทศต่างๆ เช่นประเทศจีนที่มีชายแดนติดกัน อย่างสิบสองปันนา และยูนนาน และ ประเทศไทย เมื่อนานเข้าปัญหาที่ตามมาก็คือ เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นคนต่างด้าว จำนวนมาก แต่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฏร เพราะแม้จะมีใบเกิดแต่ไม่มีทะเบียนราษฏรอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพราะต้องอาศัยกับญาติพี่น้องและนายจ้าง จนในที่สุดก็เกิดปัญหา แก่เด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ เพราะไม่สามารถที่จะมีสัญชาติไทยได้ โตขึ้นแม้จะเรียนจนจบปริญญาตรี แต่ก็ไม่สามารถหางานทำได้เพราะไม่มีสัญชาติ และบัตรประจำตัวประชาชน กลายเป็นคนเถื่อนไปในที่สุด ที่กลายเป็นปัญหาที่อ่อนไหว และเป็นปัญหาที่ทางการไทยไม่สามารถแก้ได้มาจนกระทั้งวันนี้
แม้ทางการพยายามอย่างยิ่งที่จะสำรวจเด็กที่เกิดในประเทศไทยตามที่กฎหมายกำหนด ก็ยังยากลำบากในการ ติดต่อกับส่วนราชการเพื่อขอสัญชาติ เพราะทุกภาคส่วนล้วนทุจริตด้วยการเรียกร้องเงินทองทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ต้นน้ำคือ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เจ้าหน้าที่ อำเภอ และตำรวจ และการเรียกร้องก็เป็นเงินจำนวนมากอย่างต่ำก็ 30,000 ถึง 100,000 บาท แน่นอนคนเหล่านี้ไม่มีจะจ่าย ในที่สุดก็ไม่ได้ทำ กลายเป็นคนเถื่อนที่กลายเป็นช่องว่างช่องโหว่ ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่เข้ามารีดไถ หาเงินกับคนเหล่านี้ เรื่อยมาจนกระทั้งวันนี้
นี่คือ โอกาสที่สูญเสียไปของ เด็กและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ แม้บางครั้งจะมีหน่วยงานของภาคเอกชน และ NGO เข้ามาดูแล แต่ก็หนีไม่พ้นการนำเอาคนเหล่านี้ เป็นเส้นทางทำมาหากินด้วยการตั้งกลุ่ม ตั้งสมาคม และมูลนิธิ เปิดรับบริจาคเงินทองสร้างความร่ำรวยให้กับกลุ่มคนที่บริหารแต่เด็กๆ และเยาวชนแทบไม่ได้อะไรเลย ก็มีบ้างที่เขาพยายามช่วยเหลืออย่างจริงจัง แต่ก็มีน้อย ดังนั้นปัญหาจึงยังไม่สามารถที่จะจบสิ้นลงไปได้ ยังคงมีอยู่อีกยาวนาน ทั้งๆ ที่เด็กเหล่านี้ มีโอกาสอยู่แต่ติดขัดที่ไม่มีเงินค่าส่วยของทางเจ้าหน้าที่ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องค้ำประกันชีวิต แม้จะไม่มีเสียงปืนที่เข่นฆ่ากันอย่างในรัฐฉาน ในรัฐอื่นๆ ในพม่าก็ตาม แต่ต้องมาสู้รบกับการรีดไถของเจ้าหน้าที่ รัฐในประเทศไทย จึงกลายเป็นเรื่องที่ น่าเวทนา และน่าอัปยศอย่างยิ่งต่อมนุษย์ ตาดำๆ กลุ่มนี้ เพราะเมื่อไม่มีบัตร ก็ไม่สามารถเรียนสูงๆ ได้ ไม่สามารถทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ถูกกระทำย่ำยีทั้งร่างกายและจิตใจ ถูกข่มเหงทางเพศในทุกรูปแบบ ที่ส่วนราชการ และคนที่มีเงินจะกระทำได้ แม้กระทั้งให้ทำงานฟรีๆ เพราะเขาไม่สามารถที่จะออกมาเรียกร้องอะไรจากใครในประเทศนี้ได้เพราะเขาคือคนที่อยู่อย่างผิดกฎหมายไร้สัญชาติ
และจากจุดนี้จุดที่ทางการน่าจะเร่งดำเนินการแก้ไขเหมือนดังที่พ่อของแผ่นดิน รัชกาลที่ 9 ทรงแก้ จนบ้านเมืองสงบจากการอพยพเข้ามาของชาติพันธุ์ตามแนวชายแดน กลับไม่มีรัฐบาลใด ข้าราชการกลุ่มใดออกมาดำเนินการที่แท้จริง ตรงกันข้ามไม่เพียงไม่สนใจดูแล แต่กลับพยายามรังแกทุกวิถีทางหากสบโอกาส...
ในที่สุดเรื่องความรุ่นแรงจะตามมาเมื่อเขาเหล่านั้นหมดโอกาสหมดหนทางที่จะอยู่ในสังคมไทยได้อย่างสงบ สุดท้ายก็หันไปทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ทั้งจี้ ปล้น ฆ่า ข่มขืน และที่ร้ายแรงมากไปกว่านั้นก็คือ ปัญหายาเสพติดที่ไม่มีวันหมดลงไปได้ในประเทศที่ข้าราชการยัง ทุจริต และคอรัปชั่นอยู่อย่างทุกวันนี้ และความรุนแรงนี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเด็กที่เสียโอกาส เด็กที่ไร้คนดูแล เด็กที่ไร้สัญชาติ จะต้องเติบโตมา ในแต่ละปีมีจำนวนไม่น้อย แต่เขาไร้งานทำเพราะไร้สัญชาติ นี่คือสิ่งที่น่าห่วงที่สุดของประเทศไทยดังจะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับ สาม สี่ จังหวัดชายแดนใต้ ที่เกิดการเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน นั่นก็มีจากกลุ่มขบวนการรับจ้างของ กลุ่มโรฮิงญา เพียงเพื่อแลกกับความอยู่รอดไปวันๆ ทั้งตนเอง และครอบครัวเท่านั้น นี่แค่ชาติพันธุ์เดียวใน สาม สี่ จังหวัดชายแดนใต้ คือกลุ่ม ชาติพันธุ์ มาลายู หากเป็นทางภาคเหนือ กว่า 10 ชาติพันธุ์ จังมือกันก่อความไม่สงบขึ้นบ้าง ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าคนไทย ข้าราชการไทย นักการเมืองไทย นักธุรกิจไทย คงไม่อยากให้เกิดขึ้นเช่นนั้นอย่างแน่นอน หากแต่ว่าเหตุการณ์เช่นนี้หาประมาทได้ไม่ เพราะทุกอย่างเหมือน ข้าราชการไทย ที่รังแกเขากำลังซุกระเบิดลูกใหญ่ไว้ เพียงรอวันที่มันจะระเบิดเกิดขึ้นเท่านั้น..
ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า 128/177 ถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
16th Fl., Phayatai Plaza, 128/177 Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-298-0987-8 โทรสาร : 02-298-0989
อีเมล : [email protected]