ปวดท้องบ่อยสัญญาณบอกโรค |
อาการปวดท้องส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่มักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารรสจัด อาหารดิบ ย่อยยาก เป็นต้น |
เรื่อง : วราภรณ์ |
จะเป็นคนวัย 40 หรือเพศใดวัยใดก็มีโอกาสเกิดอาการปวดท้องได้เหมือนกัน เพราะปวดท้อง เป็นอาการนำที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ของคนไข้แบบผู้ป่วยนอกหรือที่เรียกว่า OPD case ซึ่งอาการปวดท้องนี้อาจมีสาเหตุได้มากมาย เนื่องจากช่องท้องมีอวัยวะภายในหลายอวัยวะเช่น ตับ ม้าม กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน ไต ถ้าปวดท้องน้อยหร้อท้องส่วนล่างก็มีกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูก รังไข่ ในเพศชายจะมีต่อมลูกหมาก เป็นต้น |
พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านชะลอวัย จาก AddLife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ได้กล่าวถึงอาการปวดท้องว่า อาการปวดท้องส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่มักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น การทานอาหารรสจัด อาหารดิบ ย่อยยาก ดื่มแอลกอฮอล์ หรือ เกิดจากความเครียด นอนหลับผักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ทำให้ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสื่ยงโรคต่างๆ เช่น |
• โรคกระเพาะอาหารอักเสบ • โรคกรดไหลย้อน • โรคลำไส้อักเสบ • โรคตับอ่อนอักเสบ • โรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งในช่องท้องและนอกช่องท้อง • นิ่วทางเดินปัสสาวะ • ระบบฮอร์โมนไม่สมดุล เกิดถุงน้ำรังไข่ ประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น |
เนื่องจากอาการปวดท้องส่วนใหญ่ทุเลาได้ด้วยการทานยาที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ยาลดกรด ยาคลายกล้ามเนื้อแก้ปวดท้อง แต่อย่างไรก็ตามการซื้อทานยาเองสามารถทำได้เบื้องต้นแต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ปวดรุนแรงเรื้อรัง หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ตัวร้อน อาเจียน ถ่ายเหลว อุจจาระเป็นเลือด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหลายโรคก็มีอาการปวดท้องเป็นอาการนำ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ เป็นต้น |
ดังนั้นการดูแลตนเองที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงโรคต่างๆ รวมทั้งอาการปวดท้องด้วยการปฏิบัติตนดังนี้ |
• ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ ของทางเดินอาหาร โดยทานอาหารสุกๆ สะอาด หลีกเลี่ยงอาหาร รสจัด ย่อยยาก อาหารมันๆ เครื่องดื่มอัดแก๊สต่างๆ ที่เพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ไม่สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ในปริมาณน้อยหรือไม่ดื่มเลย เพราะเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ โรคมะเร็ง • ปรับสภาพลำไส้และภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับประทาน Probiotic แบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยเสริมและภูมิคุ้มกัน เช่น แลคโตแบซิลัส รักษาโรค Leaky Gut ลดอาการท้องอืด มีแก๊ส • รับประทานผักผลไม้เป็นประจำ เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็น Prebiotic ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ Probiotic และมีไฟเบอร์ป้องกันอาการท้องผูก • นอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยให้ระบบย่อยอาหาร การขับถ่ายทำงานปกติ • การรับประทานวิตามินเสริมหรือรักษาด้วยฮอร์โมนช่วยลดอาการปวดบางอย่างได้ เช่น ปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน เสริมความแข็งแรงของร่างกายและอวัยวะต่างๆ โดยรวม • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคกรดไหลย้อน โรคมะเร็ง • ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยกระตุ้นการทำงานระบบย่อยอาหาร เพิ่มการหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมถึงระบบย่อยอาหาร อวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง เป็นต้น |
ที่มาของข่าว : http://40plus.posttoday.com/health/3118/ |
แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]