การจัดการศพมุสลิม : ทราบหรือไม่คะว่า “พิธีงานศพของชาวมุสลิม” เป็นพิธีที่ต้องจัดขึ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งแตกต่างจากพิธีศพของศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ที่จัดขึ้นภายใน 3 – 7 วัน ชาวมุสลิมถือว่า “ความตาย” ไม่ใช่เป็นการสิ้นสุดหรือจุดสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวไปสู่ชีวิตที่แท้จริงและเป็นนิรันดร์ หรือแปลได้อีกอย่างว่าเป็นการกลับไปสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าหรือพระอัลเลาะห์ที่มีชื่อว่า “อายัล” นั่นเอง นอกจากนั้นยังมีความเชื่อว่าเนื้อแท้ของมนุษย์เป็นวิญญาณ (รูห์) ที่ยังคงสภาพอยู่และเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปสู่ชีวิตใหม่ ไม่ใช่เรือนร่างอันเป็นวัตถุอย่างที่เข้าใจกัน โดยหลักศรัทธาที่ชาวมุสลิมยังคงยึดถือมาตลอดก็คือการศรัทธาในโลกหน้าหรือการฟื้นคืนชีพหลังความตายเพื่อรับการไต่สวนในการกระทำของตน ซึ่งการเสียชีวิตของชาวมุสลิมถือเป็นการเตือนสติชาวมุสลิมที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ตระหนักถึงวันแห่งการตัดสินเรื่องความตายและชีวิตหลังความตายอยู่เสมอ
ขั้นตอนการจัดพิธีงานศพของชาวมุสลิม การจัดพิธีงานศพของชาวมุสลิมมีทั้งหมด 4 ขั้นตอนดังนี้คือ
1. อาบน้ำให้ศพ ชาวมุสลิมเชื่อว่ากายของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ กายหยาบหรือร่างกาย กับกายละเอียดหรือจิตวิญญาณ ซึ่งความตายเป็นการที่กายละเอียดแยกออกจากกายหยาบและไม่สามารถควบคุมกายหยาบได้อีกแล้ว และเมื่อมีผู้เสียชีวิต ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับจะต้องทำหน้าที่จัดการดูแลกายหยาบของผู้ล่วงลับให้เรียบร้อย นั่นก็คือการอาบน้ำทำความสะอาดศพและห่อด้วยผ้าขาว โดยเป็นหน้าที่เฉพาะเพศเดียวกับผู้ล่วงลับเท่านั้น แต่หากไม่มีบุคคลเพศเดียวกันก็สามารถเป็นหน้าที่ของสามี ภรรยา หรือลูกหลานได้
2. การกะฝั่น (ห่อ) หลังจากที่ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับก็จะทำหน้าที่ห่อศพด้วยผ้าขาว จากนั้นจึงนำศพของผู้ล่วงลับมาใส่ไว้ในโลงศพ ซึ่งการประดับตกแต่งโลงศพจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย คือ คลุมด้วยผ้าประดับลวดลายโองการจากพระคัมภีร์ หรือตกแต่งด้วยดอกไม้หรือใบไม้ประเภทพืชตระกูลมินต์ที่ให้น้ำมันหอมระเหยอย่าง “ใบโหระพา” อันเป็นสัญลักษณ์ของพืชแห่งสรวงสวรรค์
3. ละหมาดให้แก่ผู้ล่วงลับ เมื่อนำศพของผู้ล่วงลับห่อด้วยผ้าขาวและใส่ในโลงศพแล้ว ครอบครัว ญาติพี่น้อง และชาวมุสลิมคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานศพจะทำการละหมาดหรือสวดวิงวอนพระเจ้าเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับ
4. ฝังศพ ชาวมุสลิมจะใช้วิธีการฝังศพเพื่อให้ร่างสลายไปตามธรรมชาติเท่านั้น และจะต้องฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง หรือฝังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนสถานที่ฝังศพหรือสุสานนั้น ชาวมุสลิมเรียกว่า “กุโบร์” ซึ่งกุโบร์นี้ถือเป็นสถานที่แรกที่ดวงวิญญาณจะพำนักรอคอยก่อนเข้าสู่การตัดสินในวันแห่งการพิพากษาที่เกิดขึ้นหลังวันสิ้นโลก โดยจะต้องให้ญาติพี่น้องหรือลูกหลานที่เป็นผู้ชายทำหน้าที่นำศพลงหลุม และการฝังศพนี้จะฝังในท่านอนตะแคงให้ส่วนศีรษะและใบหน้าของศพหันไปทางทิศตะวันตก อันเป็นที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์ที่ตั้งอยู่ในนครเมกกะ นอกจากนี้การฝังศพของชาวมุสลิมจะไม่มีการฝังสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ลงไปในหลุมศพกับผู้ล่วงลับด้วย เนื่องจากชาวมุสลิมเชื่อว่าสิ่งที่จะติดตัวผู้ล่วงลับไปมีเพียงสามอย่างเท่านั้น ได้แก่ ความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนกิจที่ตนสั่งสมไว้, วิทยาทานหรือกุศลทาน และการมีบุตรที่ดีเพื่อทำหน้าที่ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ตนหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
แต่ปัจจุบันเด็กและเยาวชนเริ่มปฏิบัติไม่เป็นและอาจจะไม่ถูกต้อง ที่จังหวัดปัตตานี จึงมีเรื่องนี้มาสอน... จะเป็นอย่างไรติดตามได้ที่นี่
แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ
Art & Culture for Health Literacy
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส)
ThaiHealth Promotion Founnation (THPF)
128/177 ชั้น 16 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
128/177 Phayatai Plaza, 16th Fl., Phayathai Rd., Rajthevee, Bangkok 10400 Thailand
โทรศัพท์ : 02-129-3897-8 โทรสาร : 02-129-3899
อีเมล : [email protected]